สุขภาพเพศชายที่ดี เริ่มต้นด้วยการดูแลตัวเองด้วยวิธีต่อไปนี้

June 26, 2024
4:53 pm

เนื่องด้วยวิถีชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ อาจทำให้ใครหลายคนละเลยการดูแลตัวเองจนอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพในระยะยาวมากมาย น้องชายของเราก็ไม่ต่างกัน หากเราดูแลสุขภาพร่างกายไม่ดี ก็จะส่งผลให้สุขภาพทางเพศของเราไม่ดีตามไปด้วยและอาจกลายเป็นปัญหาน้องชายต่าง ๆ ตามมาในระยะยาวได้อีกด้วยครับ วันนี้เราจะมาแนะนำ 7 วิธีดูแลสุขภาพเพศชายให้ดีอยู่เสมอ ว่าแต่มีวิธีไหนบ้างมาอ่านกันเลยครับ

สุขภาพเพศชายดี เริ่มต้นได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

1. พักผ่อนอย่างเพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอในทุก ๆ วัน ล้วนมีแต่ข้อดี ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพของสมองและความจำ มีสมาธิ ควบคุมอารมณ์ได้ดี ลดภาวะความเครียด เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส รวมไปถึงกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) อย่างสม่ำเสมอ ช่วยป้องกันโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่เป็นสาเหตุทำให้นกเขาไม่ขัน สำหรับการนอนที่ดีควรอยู่ที่วันละ 7-9 ชั่วโมง โดยเริ่มนอนตั้งแต่ 20:00-23:30 น. และตื่นตั้งแต่ 05:00-23:30 น.

2. งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์

หลายคนรู้ว่าบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล้วนแต่มีโทษต่อร่างกายหากเสพติดเป็นเวลานาน สำหรับบุหรี่นั้นมีสารนิโคติน (Nicotine) ที่ทำให้เส้นเลือดทั่วร่างกายเกิดการหดตัวซ้ำ ๆ จนเกิดการแข็งตัวและไหลไปเลี้ยงอวัยวะเพศน้อยลง เนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนและสารอาหารน้อยลง เป็นผลทำให้น้องชายไม่แข็งตัวมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่มากถึง 24% ส่วนแอลกอฮอล์นั้นแม้ว่าจะช่วยให้เลือดสูบฉีดได้ดีขึ้น กระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้มากขึ้นก็ตาม แต่แอลกอฮอล์มีสารที่กดระบบประสาทส่วนกลางที่ทำหน้าที่ควบคุมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงน้องชายด้วย มีผลทำให้การรับความรู้สึกช้าลง เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจึงทำให้ความดันโลหิตต่ำและเลือดไหลเวียนไปที่น้องชายน้อยลง น้องชายจึงไม่แข็งตัว แถมยังทำให้เกิดอาการหลั่งเร็วอีกด้วย นอกจากนี้หากคุณดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานานอาจพัฒนากลายเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศในที่สุด ดังนั้นควรงดสูบบุหรี่และลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง หากเป็นไปได้ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ไปเลยจะดีที่สุดครับ

3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อน้องชาย

หลายคนอาจคิดว่าทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็เพียงพอแล้ว แต่หากคุณกำลังมีภาวะนกเขาไม่ขันหรือมีความต้องการทางเพศน้อยลง เราขอแนะนำให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อน้องชายโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น

ไข่ไก่ อุดมไปด้วยวิตามิน D ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชาย แถมยังช่วยซ่อมแซมความเสียหายภายในร่างกายที่เกิดจากฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนต่ำ
ปลาทะเล อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชาย เสริมสมรรถภาพทางเพศ เสริมสร้างระบบประสาทให้ตอบสนองต่อกิจกรรมทางเพศได้ดียิ่งขึ้น
แซลมอน อุดมไปด้วยวิตามิน D ที่ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชายและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ป้องกันความผิดปกติของผนังหลอดเลือด
หอยนางรม อุดมไปด้วยแร่ธาตุสังกะสีที่ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) กระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศ เพิ่มความแข็งแรงและปริมาณสเปิร์มในอสุจิ
กระเทียม อุดมไปด้วยสารอัลลิซิน (Allicin) ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและลดความหนืดของเลือด ช่วยให้มีเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงน้องชายได้อย่างเพียงพอ น้องชายจึงแข็งตัวตามปกติ
โสม มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนไฟโตรแอนโดรเจน (Phytoandrogen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย จึงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพิ่มประสิทธิภาพการแข็งตัวของน้องชาย ชะลอการหลั่ง (ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล)
กล้วย มีสารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ที่ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศชาย ลดความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังมีวิตามินที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่สเปิร์มและกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทกล้ามเนื้อ
ผักโขม อุดมไปด้วยโฟเลต (Folic acid) ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพิ่มระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและป้องกันภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
น้ำเปล่า การดื่มน้ำเปล่าวันละ 8 แก้ว จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงการผลิตฮอร์โมนเพศชายที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

4. จัดการความเครียดให้เหมาะสม

ความเครียดมีผลเสียต่อร่างกายหากคุณไม่สามารถจัดการความเครียดและเกิดผลกระทบต่องระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย รวมถึงน้องชายของเราด้วย เพราะความเครียดจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งคอร์ติซอล (Cortisol) มากขึ้น โดยฮอร์โมนชนิดนี้จะก่อให้เกิดปัญหาด้านการนอนหลับ ไม่สามารถนอนหลับได้สนิท นอนได้น้อย ระบบภูมิคุ้มกันต่ำลง และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหรือโรคเรื้อรังต่าง ๆ ตามมา รวมถึงเสี่ยงต่อปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อมได้อีกด้วย

5. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

ต่อให้คุณวางแผนจะมีลูกด้วยวิธีธรรมชาติหรือไม่ก็ตาม การสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์จะช่วยป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการทำความสะอาดน้องชายทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์เพียงคู่นอนคนเดียว การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่รุนแรงเกินไป และเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรมทางเพศที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน

6. ทำความสะอาดน้องชายอย่างถูกวิธี

โดยเริ่มจากตีสบู่หรือผลิตภัณฑ์ล้างจุดซ่อนเร้นใส่มือแล้วตีให้เป็นฟอง จากนั้นนำฟองมาถูให้ทั่วน้องชายโดยเริ่มตั้งแต่ส่วนโคนเป็นอันดับแรกแล้วถูเข้าหาตัว สำหรับผู้ที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายให้รูดหนังหุ้มปลายเข้าหาตัวเพื่อเปิดหัวองคชาตออกมา ถูหัวองคชาตและหนังหุ้มปลายเบา ๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันขี้เปียกสะสมอยู่ภายในหนังหุ้มปลาย เมื่อล้างน้ำสะอาดเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าขนหนูหรือทิชชู่หนาซับน้องชายให้แห้ง แต่ทั้งนี้ไม่ควรฉีดฝักบัวใส่น้องชายโดยตรงเพราะผิวหนังหุ้มปลายมีความบอบบางเป็นอย่างมากและก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ เราขอแนะนำให้ราดน้ำเบา ๆ จากหน้าท้องให้ไหลลงไปยังน้องชายแทน

7. ขลิบไร้เลือด

แม้ว่าการมีหนังหุ้มปลายห่อหุ้มหัวองคชาตจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากหนังหุ้มปลายเกิดการอักเสบจากการทำความสะอาดไม่ดีพอ มีปัญหาหนังหุ้มปลายรัดแน่นเกินไป หรือเป็นโรคติดต่ดทางเพศสัมพันธ์ ก็อาจมีผลทำให้เรารูดหนังหุ้มปลายลำบากขึ้น ส่งผลให้สารคัดหลั่งหรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ สะสมอยู่ภายใต้หนังหุ้มปลายและก่อให้เกิดอาการระคายเคืองจนพัฒนากลายเป็นปัญหาน้องชายตาม ดังนั้นการขลิบหนังหุ้มปลายออกจึงเป็นทางเลือกในการป้องกันปัญหาสุขภาพน้องชายได้เป็นอย่างดี เพราะการขลิบไร้เลือดเป็นการผ่าตัดหนังหุ้มปลายออกเพื่อให้เราทำความสะอาดหัวองคชาตได้ง่ายขึ้น แถมยังกำจัดหนังหุ้มปลายซึ่งเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกโดยเฉพาะขี้เปียกได้อย่างถาวร เมื่อเอาหนังหุ้มปลายออกแล้วจะไม่เกิดขี้เปียกขึ้นที่น้องชายเราอีกตลอดไป นอกจากนี้หนังหุ้มปลายส่วนในเป็นเยื่อบุส่วนแฉะ หรือ Mucous Membrane ที่ไม่มีเคราตินเคลือบไว้แบบผิวหนังส่วนนอก จึงเป็นแหล่งรับเชื้อ HPV และ HIV เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เมื่อผ่าตัดเอาออกแล้วจะช่วยลดโอกาสเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้องชายโดยตรงอย่างหูดหงอนไก่ มะเร็งองคชาต หรือโรคที่เกิดจากเชื้อ HPV ได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายถึง 60%

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: กามโรค ภัยร้ายที่ป้องกันได้ด้วยการดูแลน้องชายอย่างถูกวิธี

ทั้งนี้การขลิบไร้เลือดเป็นการผ่าตัดเอาหนังหุ้มปลายออก จึงควรทำครั้งเดียว เพราะผิวหนังส่วนน้องชายเป็นจุดที่บอบบาง บาดเจ็บง่าย แถมยังสร้างความเจ็บปวดเป็นเวลานานอีกด้วย หากคุณเลือกคลินิกขลิบไร้เลือดทีไม่ได้มาตรฐาน นอกจากจะทำให้แผลหายช้าแล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายจากการผ่าตัดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ หรืออาจเสี่ยงต่อการกลับมาแก้แผลขลิบเป็นรอบที่สองเพราะแผลขลิบไม่สวย ทางที่ดีเราขอแนะนำให้คุณศึกษาหาข้อมูลคลินิกที่คุณต้องการจะเข้ารับการขลิบว่ามีมาตรฐานแค่ไหน เชื่อถือได้ไหม มีประสบการณ์การขลิบมานานเท่าไหร่ แล้วมีวิธีหรือบริการไหนที่ทางคลินิกจะช่วยลดอาการบาดเจ็บหลังการผ่าตัดให้แก่คนไข้ได้บ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณไม่ต้องเสียเวลามานั่งแก้แผลขลิบหรือเข้ารักษาแผลขลิบติดเชื้ออีกรอบนั่นเองครับ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: ขลิบไร้เลือด กี่วันหาย อยากหายไว ทำไมต้องเข้าอุโมงค์กับ Gentle Clinic

บทความที่น่าสนใจ

ขลิบไร้เลือดครั้งเดียวในชีวิต ทำไมต้องขลิบกับ Gentle Clinic

แม้ว่าคลินิกขลิบส่วนใหญ่จะใช้วิธีขลิบไร้เลือดกันแล้ว แต่ที่ Gentle Clinic เรามีโปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) เป็นอุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า จึงช่วยเสริมประสิทธิภาพของการต้านการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ลดการอักเสบ ปวดบวม ฟกช้ำของกล้ามเนื้อ จึงไร้อาการปวดในทันทีและไร้อาการบวมอักเสบในวันต่อมา อีกทั้งช่วยเร่งสมานแผล ให้แผลแห้งไวภายใน 3 วัน ลดการติดเชื้อได้มากกว่า 90% จึงไม่ต้องพักฟื้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องทำแผลเองที่บ้าน โดยบริการนี้คนไข้จะได้รับทันทีที่ขลิบไร้เลือดเสร็จ ซึ่งจะช่วยบบรเทาอาการปวดที่จะเกิดขึ้นหลังการขลิบได้เป็นอย่างดี

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: บริการขลิบ ขลิบไร้เลือด ขลิบคลิกเดียว แผลเรียบสวย ไร้เลือด

สำหรับใครที่กำลังมองหา คลินิกขลิบปลายผู้ใหญ่ มากประสบการณ์ การันตีด้วยจำนวนเคสสำเร็จและรีวิวความประทับใจจากลูกค้าจำนวนมาก เรา Gentle Clinic คือคำตอบ เพราะเราเป็นคลินิกเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทยที่นำเอาเครื่องขลิบแบบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ที่มีความแม่นยำสูงมาใช้ในการรักษา ทำให้ใช้เวลาขลิบและเย็บแผลเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บหลังการรักษาได้มากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์สูง สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถรับแก้เคสขลิบแผลไม่สวยงามจากการขลิบที่อื่น คลินิกของเราพร้อมให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 15 สาขา มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา