แผลริมอ่อนเป็นปัญหาน้องชายที่หลายคนไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงอันดับต้น ๆ นอกจากจะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้วภาวะดังกล่าวอาจพัฒนาเป็นปัญหาสุขภาพระยะยาวได้อีกด้วยด้วย ว่าแต่ภาวะดังกล่าวเกิดจากอะไร มีข้อเสียต่อน้องชายมั้ย มีวิธีสังเกตแผลและป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหานี้กับตัวเองและคู่นอน วันนี้ Gentle Clinic จะมาเล่าให้ฟังครับ
แผลริมอ่อนคืออะไร
หรือโรคซิฟิลิสเทียม เป็นปัญหาสุขภาพน้องชายที่เกิดจากแบคทีเรีย Haemophilus ducreyi ที่มาจากอวัยวะเพศสัมผัสโดนของเหลวจากแผล ส่วนมากมักพบในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย จึงเสี่ยงต่อการที่แผลสัมผัสกับอวัยวะเพศโดยไม่รู้ตัว แผลริมอ่อนสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เข้าไปประมาณ 5-7 วัน จะมีตุ่มนูนแดงหลาย ๆ ตุ่ม โดยตุ่มดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ส่วนต่าง ๆ ของอวัยวะเพศ หากเป็นฝ่ายชายมักพบบริเวณหนังหุ้มปลายและถุงอัณฑะ ส่วนฝ่ายหญิงมักพบบริเวณแคมเล็ก, ขาหนีบ และปากช่องคลอด ขนาดของแผลจะอยู่ที่ประมาณ 3 มิลลิเมตร ไปจนถึง 5 เซนติเมตร ลักษณะของแผลจะคล้ายแผลเปื่อย นุ่มแต่แฉะ มีเนื้อเละบริเวณก้นแผล ส่วนขอบแผลจะนูนนิ่มแต่ไม่เรียบ หากปล่อยไว้นานตุ่มจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นหนองและก่อให้เกิดการระคายเคืองร่วมกับอาการต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณขาหนีบด้วย นอกจากนี้คนไข้อาจรู้สึกเจ็บปวดขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปัสสาวะ อุจจาระ หรือขณะมีเพศสัมพันธ์ก็ตาม ทั้งนี้หากคนไข้เสียดสีบริเวณแผลเป็นเวลานาน อาจทำให้หนองแตกและมีเลือดไหลออกมาด้วย
ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่มาจากแผลริมอ่อน
- เกิดรูรั่วบริเวณท่อปัสสาวะ (Urethral Fistula)
- มีแผลเป็นบริเวณหนังหุ้มปลาย
- เกิดฝีขนาดใหญ่บริเวณที่เป็นหนอง
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆมากขึ้น
- หากคนไข้ติดเชื้อ HIV อาจทำให้ระยะเวลารักษาแผลริมอ่อนนานกว่าคนทั่วไป
แผลริมอ่อนต่างจากเริมอย่างไร
- ลักษณะตุ่ม แผลริมอ่อนจะมีตุ่มแดงเพียงอย่างเดียว ไม่มีตุ่มใส ส่วนเริมจะมีตุ่มใส
- ความรู้สึกเจ็บ แผลริมอ่อนจะสร้างความรู้สึกเจ็บปวดเพียงอย่างเดียว ส่วนเริมจะมีความรู้สึกเสียวบริเวณแผลร่วมด้วย
- การรักษา แผลริมอ่อนสามารถรักษาให้หายขาดได้ ส่วนเริมจะเป็น ๆ หาย ๆ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และมักเป็นบริเวณเดิม
แผลริมอ่อน รักษาเองได้ไหม
เนื่องจากโรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย จึงสามารถรักษาให้หายได้แน่นอนด้วยการฉีดยาปฏิชีวนะเพียงครั้งเดียว สำหรับตัวยาที่ใช้รักษาจะเป็นอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) และอิริโทรมัยซิน (Erythromycin) แต่มีอีกหลายคนที่สามารถหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่ในกรณีที่มีต่อมน้ำเหลืองบวมใหญ่อาจต้องเข้ารับการผ่าตัด
ป้องกันแผลริมอ่อนได้อย่างไรบ้าง
1. สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
หลายคนยังมีความเชื่อผิด ๆ ว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยจะช่วยเพิ่มความรู้สึกขณะสอดใส่และคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมให้หลั่งข้างนอกได้แน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่าขณะสอดใส่นั้นมีโอกาสที่จะอสุจิไหลออกมาบางส่วนหรือมีอสุจิปะปนมากับน้ำหล่อลื่นของฝ่ายชาย หากมีอสุจิตกค้างอยู่ในอวัยวะเพศหญิงขึ้นมา นั่นหมายความว่าอาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการที่อวัยวะเพศสัมผัสกับแผลที่อาจมองไม่เห็นและติดเชื้อต่าง ๆ จนเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วยครับ ดังนั้นการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์จึงช่วยคุมกำเนิดและป้องกันแผลริมอ่อนได้ที่สุดครับ
2. ทำความสะอาดอวัยวะเพศอย่างถูกวิธี
เริ่มจากใช้สบู่สูตรอ่อนหรือผลิตภัณฑ์สำหรับล้างจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะ ตีให้เป็นฟองแล้วถูให้ทั่วอวัยวะเพศ เริ่มตั้งแต่ส่วนโคนเป็นอันดับแรก จากนั้นรูดหนังหุ้มปลายเข้าหาตัวเพื่อเปิดหัวองคชาตออกมาทำความสะอาด ถูหัวองคชาตและหนังหุ้มปลายให้ทั่วเพียงเบา ๆ เพื่อชะล้างขี้เปียกที่อยู่ตามหนังหุ้มปลายออก แล้วค่อยราดน้ำให้น้ำไหลลงยังอวัยวะเพศแทน เมื่อล้างเรียบร้อยแล้ว ซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนู ทั้งนี้ไม่ควรฉีดด้วยฝักบัวใส่อวัยวะเพศโดยตรง เพราะอาจเกิดการระคายเคืองและเป็นแผลง่ายขึ้น
ทำความสะอาดอวัยวะเพศชายอย่างไรให้ถูกวิธี วันนี้เรามีคำตอบ
3. ขลิบไร้เลือด
ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการป้องกันแผลริมอ่อนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการขลิบเป็นการผ่าตัดเอาหนังหุ้มปลายออก คุณจึงสามารถทำความสะอาดอวัยวะเพศได้อย่างหมดจด ในกรณีที่ใครมีปัญหาหนังหุ้มปลายตีบตัน ไม่สามารถรูดขึ้น-ลงได้ตามต้องการ พยายามรูดเท่าไหร่ก็เจ็บก็ปวด อาจเสี่ยงต่อการเป็นแผลบริเวณอวัยวะเพศมากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า เนื่องจากหนังหุ้มปลายที่ตีบตันจะกลายเป็นแหล่งสะสมของสารคัดหลั่งต่าง ๆ และเป็นแหล่งรวมแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังหุ้มปลายจนกลายเป็นแผลในที่สุด สำหรับการขลิบไร้เลือดในปัจจุบันจะใช้เครื่องมือขลิบไร้เลือดอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) สำหรับผ่าตัดหนังหุ้มปลายออก ข้อดีของการขลิบไร้เลือดมีมากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการตัดหนังหุ้มปลายออกและเย็บแผลในเวลาเดียวกัน แผลสวยเนียบ ไม่ต้องมานั่งตบแต่งแผลด้วยเลเซอร์อีก ใช้เวลาผ่าตัดเพียง 15 นาทีเท่านั้น และด้วยความที่เครื่องสามารถเย็บแผลได้ทันทีที่เอาหนังหุ้มปลายออก จึงสูญเสียเลือดจากการผ่าตัดน้อยมาก เนื้อเยื่อจึงบอบช้ำน้อย ทำให้ไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด สามารถกลับบ้านได้เลย
บริการขลิบ ขลิบไร้เลือด ขลิบคลิกเดียว แผลเรียบสวย ไร้เลือด
ขลิบไร้เลือด ที่ไหนดี
และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Gentle Clinic ยืนหนึ่งในด้านสุขภาพทางเพศคุณผู้ชายและการขลิบ สามารถขลิบได้ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะเรามีโปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า จึงช่วยลดการอักเสบของแผล ไร้ปวดได้ในทันที และไร้อาการบวมอักเสบในวันต่อมา
อีกทั้งช่วยเร่งสมานแผล ให้แผลแห้งไวภายใน 3 วัน ลดการติดเชื้อได้มากกว่า 90% จึงไม่ต้องพักฟื้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องทำแผลเองที่บ้าน
โปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ใช้ในโรงพยาบาลต่างประเทศ เพื่อช่วยเร่งสมานแผลเรื้อรัง แผลเบาหวาน หรือแม้แต่แผลในการผ่าตัดศัลยกรรมความงามที่เรานำมาใช้
ที่ GentleClinic เราดูแลให้ครบทั้งก่อนและหลังขลิบ ไม่เจ็บตอนทำ ไม่ปวดหลังทำ แล้วก็ไม่ต้องพักฟื้นครับ
สำหรับใครที่กำลังมองหา คลินิกขลิบปลายผู้ใหญ่ มากประสบการณ์ การันตีด้วยจำนวนเคสสำเร็จและรีวิวความประทับใจจากลูกค้าจำนวนมาก เรา Gentle Clinic คือคำตอบ เพราะเราเป็นคลินิกเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทยที่นำเอาเครื่องขลิบแบบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ที่มีความแม่นยำสูงมาใช้ในการรักษา ทำให้ใช้เวลาขลิบและเย็บแผลเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บหลังการรักษาได้มากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์สูง สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถรับแก้เคสขลิบแผลไม่สวยงามจากการขลิบที่อื่น คลินิกของเราพร้อมให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 15 สาขา มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://bit.ly/Gentle4Men
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand