สิวเทียมเป็นอีกหนึ่งปัญหาสิวที่ใครหลายคนประสบพบเจอ หลายคนอาจคิดว่าสิวประเภทนี้เกิดจากฮอร์โมนในร่างกาย เลยพยายามใช้ยาปรับฮอร์โมนเพราะหวังว่าจะช่วยบรรเทาอาการ แต่ท้ายที่สุดแล้วสิวก็ยังคงเห่อขึ้นเหมือนเดิม ว่าแต่สิวประเภทนี้คืออะไร เกิดจากอะไร แล้วมีวิธีรับมืออย่างไรไม่ให้เกิดสิวขึ้นมาอีกซ้ำๆ วันนี้ Gentle Clinic จะมาเล่าให้ฟังครับ
สิวเทียม คืออะไร
สิวเทียม หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อ “สิวผด” มีลักษณะเป็นเม็ดผดขนาดเล็ก เป็นตุ่มหัวปิด มีสีแดงหรือสีเนื้อ ไม่สามารถกดหรือบีบออกได้ บางครั้งอาจมีขนงอกอยู่ในตุ่มนั้นด้วย และหากสิวเทียมเกิดขึ้นแล้วก็จะกระจายไปยังบริเวณรอบข้างจนกลายเป็นสิวเทียมเห่อขึ้นเต็มใบหน้า โดยทั่วไปแล้วสิวเทียมจะค่อนข้างเรียบในตอนเช้า แต่จะเห่อขึ้นเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ร้อนอบอ้าวเป็นเวลานาน เนื่องจากสิวเทียมไม่ใช่สิวอุดตันที่เกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน แต่เกิดจากอาการแพ้ของผิวหนัง จึงสามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าสิวประเภทอื่น
สิวเทียม เกิดจากอะไร
1. การโกนหรือถอนขน
เมื่อคุณโกนหรือถอนขนแล้ว จะทำให้ปลายขนที่หักเติบโตย้อนกลับเข้าไปใต้ผิวหนังแทนที่จะงอกออกมาข้างบน ทำให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบบริเวณที่ขนงอกกลับเข้าไป หรือมีขนบางส่วนที่ติดอยู่ในรูขุมขนพร้อมกับเซลล์ผิวหนังตาย น้ำมัน หรือสิ่งสกปรก ที่ก่อให้เกิดการอุดตันและเกิดสิวเทียมตามมา นอกจากนี้การโกนหรือถอนขนอาจทำให้ผิวหนังบาดเจ็บหรือเกิดการอักเสบเล็กน้อย ทำให้ขนงอกกลับเข้าไปใต้ผิวหนังและเกิดการสะสมของเซลล์ที่ตายแล้วหรือการติดเชื้อ ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวเทียม
2. มลภาวะแสงแดดและความร้อน
หากคุณอยู่ในพื้นที่กลางแจ้ง, สัมผัสกับความร้อนเป็นเวลานาน หรือล้างน้ำด้วยน้ำอุ่นเป็นประจำ ก็อาจทำให้เกิดสิวเทียม เนื่องจากความร้อนจะกระตุ้นให้ต่อมเหงื่อทำงานหนักขึ้นเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกายในรูปแบบของเหงื่อ ซึ่งเหงื่อของเราถือเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อรา Malassezia ที่อาศัยอยู่บนผิวหน้าของเรา หากเชื้อราชนิดนี้เจริญเติบโตมากเกินไป อาจทำให้กระตุ้นให้ต่อมไขมันเกิดการอักเสบและมีเม็ดสิวผุดขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของมลภาวะในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง สารเคมี หรือมลพิษต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบและทำลายเซลล์ผิว เมื่อเซลล์ผิวอ่อนแอลง บวกกับอยู่ในสภาพอากาศภายนอกที่มีสิ่งสกปรกมากมาย ก็จะเพิ่มโอกาสเกิดสิวเทียมมากขึ้น
3. เครื่องสำอาง
เครื่องสำอางถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวเทียมได้ง่าย โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือสารเคมีที่อาจเข้าไปอุดตันอยู่ในรูขุมขนจากการทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้าไม่ดีพอ หรือบางคนอาจแพ้ส่วนผสมบางอย่างในเครื่องสำอางจนเกิดการระคายเคืองต่อผิวและกระตุ้นให้เกิดสิว หรือแม้แต่การเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง ก็อาจกระตุ้นให้ผิวหน้าระคายเคืองง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน
4. ภาวะความเครียด
ความเครียดถือเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบหรือสิวเทียมก็ตาม เนื่องจากความเครียดจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens) เพิ่มขึ้น ทำให้ฮอร์โมนแอนโดรเจนกระตุ้นการผลิตน้ำมัน (Sebum) มากขึ้น ทำให้ผิวหน้ามันและมีสิ่งสกปรกอุดตันอยู่ตามรูขุมขนมากขึ้น นอกจากนี้ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System) ทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะตื่นตัวตลอดเวลา เป็นเหตุทำให้หลับยาก เมื่อหลับยากแล้วระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงผิวหนัง และเมื่อผิวหนังอ่อนแอลง ก็เกิดสิวง่ายขึ้นด้วย
5. เหงื่อไคล
นอกจากสิ่งสกปรกต่างๆ ทั้งฝุ่นควัน สารเคมี เชื้อโรค ที่อยู่นอกบ้านแล้ว ยังมีเหงื่อไคลที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่เป็นสาเหตุของสิวเทียมได้เช่นกัน หากเหงื่อไคลสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น สวมแมสก์ทั้งวันโดยไม่ได้ถอดเลย, มีเหงื่อสะสมจากเสื้อผ้าที่ระบายอากาศไม่ดี, มีเหงื่อเกาะอยู่ตามปลายผมบริเวณหน้าผาก ฯลฯ เหงื่อก็อาจไปอุดตันอยู่ในรูขุมขนหรือก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง จนผิวหนังอักเสบและเกิดสิวเทียมในที่สุด
สิวเทียม เกิดขึ้นที่ไหนบ้าง
สำหรับจุดที่มีสิวเทียมขึ้นบ่อยจะเป็นหน้าผาก, แก้ม, หน้าอก, แผ่นหลัง, จมูก ส่วนบริเวณคางก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่มีโอกาสน้อยกว่าจุดอื่น
สิวเทียม เจ็บไหม
แม้ว่าสิวประเภทนี้จะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดเหมือนสิวประเภทอื่น แต่อาจมีอาการคันแทนครับ
สิวเทียม หายได้เองไหม
สิวเทียมสามารถหายได้เองในระยะเวลาไม่นาน หากคนไข้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ครับ แต่หากคนไข้ยังคงมีพฤติกรรมเสี่ยง ก็อาจทำให้สิวเทียมผุดขึ้นมาเรื่อยๆ หรือกลับมาเป็นซ้ำได้อีกรอบ
สิวเทียม รักษาด้วยวิธีไหน
1. ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
สำหรับยารักษาสิวจะมีทั้งยาทาภายนอก ได้แก่ Benzoyl Peroxide, Salicylic Acid, Retinoids เช่น Tretinoin, Adapalene และ Clindamycin หรือ Erythromycin แต่หากคนไข้มีสิวเทียมในปริมาณมาก แพทย์จะจ่ายยารับประทาน Doxycycline, Minocycline, Isotretinoin หรือยาแก้แพ้ Antihistamines ทั้งนี้หากยาหมดแล้วอาการยังไม่ดีภายใน 4-6 สัปดาห์ ไม่ควรซื้อยามาใช้เองเพื่อป้องกันผลข้างเคียงตามมา จำเป็นต้องเข้าพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ที่สุด
2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
แม้ว่าคุณจะรับประทานยาและเข้ารับการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ แต่หากคุณยังคงทำพฤติกรรมเดิมๆ ก็อาจมีสิวเทียมเกิดขึ้นซ้ำได้เรื่อยๆ สำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เราขอแนะนำมีดังนี้
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของซัลเฟต น้ำหอม น้ำมัน
- หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของซิลิโคน น้ำหอม และแอลกอฮอล์
- หยุดใช้เมคอัพหนา ๆ จนกว่าสิวจะหายดี
- ล้างหน้าเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง งดการถูหรือสัมผัสผิวหน้าแรงๆ
- ทาครีมกันแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย หลีกเลี่ยงสูตรที่มีน้ำมัน
- เปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าและปลอกหมอนเป็นประจำทุกสัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่กลางแจ้ง หากจำเป็นควรสวมอุปกรณ์ป้องกันด้วยทุกครั้ง
- งดรับประทานอาหารที่กระตุ้นให้เกิดสิว เช่น ของทอด ของมัน อาหารแปรรูป
สิวเทียม อันตรายไหม
แม้ว่าสิวเทียมจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่หากคุณไม่รู้แล้วกดหรือบีบเอาสิวออก ก็อาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่เกิดสิวบอบช้ำและอักเสบ เสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิวได้เช่นกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: บีบกดสิว ทําให้หน้าเป็นหลุม จริงไหม รักษาสิวด้วยวิธีไหนดี
รักษาหลุมสิวจากสิวเทียม รักษาด้วยวิธีไหนดีที่สุด
โปรแกรม ScarSurgery หรือ ศัลกรรมเสริมเนื้อใต้หลุมสิวถาวรด้วยเทคโนโลยี Juvgen จาก Gentle Clinic ที่ถูกคิดค้นด้วย ดร.จิน หรือนายแพทย์ จินเซฮุน (Dr. Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลี ผ่านการฉีด Co2 foam ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) อนุภาคเล็กเข้าไปยังชั้นหนังแท้ใต้แผลเป็น หลุมสิว หรือริ้วรอยร่องลึก โดยแพทย์จะฉีดสารเข้าไปทีละนิด ๆ เพื่อฉีกเซลล์ทิ้งและกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากเพื่อปิดหลุมสิวในทันที แต่หลังจากการรักษาประมาณ 30-60 วัน ตัวสารที่ฉีดเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากบริเวณหลุมสิว ส่งผลให้มีการเติมเต็มเนื้อเยื่ออย่างถาวร คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องกลับมารักษาซ้ำเป็นรอบที่สอง
นอกจากนี้ตัวเครื่องจูวีเจนถูกออกแบบสำหรับรักษาปัญหาผิวหน้าโดยเฉพาะ คนไข้จึงไม่ต้องฉีดยาชาบรรเทาอาการเพราะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งระหว่างและหลังการรักษาแล้ว และที่สำคัญยังไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: JUVGEN ดียังไง ทำไมถึงเติมเต็มหลุมสิวลึกถาวร ภายในครั้งเดียว
บทความที่น่าสนใจ
- หลุมสิวจากการฉีดสิว ทายาเองหายไหม รักษาวิธีไหนชัวร์สุด
- หลุมสิวเยอะ ไม่หายขาดสักที มีวิธีไหนที่ช่วยรักษาได้อย่างถาวร
- หลุมสิวเล็กๆ มาจากไหน หายเองได้ไหม รักษาอย่างไรให้หายขาด
ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic
Gentle Clinic เราเป็นทีมแรกในไทยที่ใช้เครื่อง JuvGen รักษาหลุมสิวและร่องลึก โดยได้รับการเทรนโดยตรงจาก Dr.จิน (Jin Se-hun) เราพร้อมด้วยประสบการณ์และเทคนิคในการยิงหลุมที่ลึกและยากกว่าหลุมทั่วไป เช่น box scar ที่มีขอบแข็ง หลุมแผลเป็นลึกจากอีสุกอีใส ร่องพับลึกบนหน้าฝาก เป็นต้น เราจึงกล้าการันตีผลการรักษา จ่ายครั้งเดียวจบ เติมหลุมสิวจนเต็มโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGen
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://page.line.me/gentleclinic
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand