หลายคนอาจกำลังประสบปัญหาปวดน้องชายบ้างบางเวลา แต่อีกหลายคนมีอาจมีปัญหาปวดน้องชายบ่อยจนแทบจะไม่อยากขยับไปไหนเลย ว่าแต่สาเหตุของอาการปวดมาจากไหน แล้วมีวิธีแก้อย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นอีกบ้าง วันนี้ Gentle Clinic มีคำอธิบายมาฝากครับ
ปวดน้องชายบ่อยเกิดจากอะไร
อาการเจ็บปวดบริเวณน้องชายโดยทั่วไปมักเกิดจากการประสบอุบัติเหตุจนน้องชายถูกกระแทกอย่างรุนแรงจากการเล่นกีฬาปะทะ หรืออุบัติเหตุ หรือจากการขับขี่มอเตอร์ไซค์ จักรยาน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการสัมผัสอย่างรุนแรงเป็นประจำ เช่น การเกา การหยิกแก้คัน รวมถึงการทำกิจกรรมทางเพศด้วย ทั้งการมีเพศสัมพันธ์หรือการช่วยตัวเองจำนวนถี่ หรือมีความรุนแรงเกินไป นอกจากการสัมผัสโดยตรงแล้ว อาการปวดยังมีสาเหตุมาจากภาวะเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก การทำความสะอาดน้องชายผิดวิธี เช่น ถูแรงเกินไปเพื่อกำจัดขี้เปียกออก หรือไม่เคยรูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาดเลย เป็นผลทำให้เกิดภาวะหนังหุ้มปลายอักเสบและเจ็บปวดน้องชายตามมาในระยะยาว รวมไปถึงเป็นผลข้างเคียงจากปัญหาสุขภาพอย่างโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคต่อมลูกหมากอักเสบเฉียบพลัน หรืออาจเกิดจากปัจจัยทางธรรมชาติอย่างภาวะท่อปัสสาวะผิดรูปตั้งแต่กำเนิด
อาการปวดมาตอนไหนได้บ้าง
- ปวดขณะปัสสาวะ
- ปวดขณะน้องชายแข็งตัว
- ปวดขณะสอดใส่หรือช่วยตัวเอง
อาการปวดบอกอะไรได้บ้าง
1. ปวดบริเวณหัวน้องชาย
อาจเกิดจากการอักเสบบริเวณหัวน้องชายที่เกิดจากการทำความสะอาดหัวองคชาตไม่ดีพอจนกลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียจากสารคัดหลั่งอย่างเหงื่อ เลือด น้ำเหลือง อสุจิ แต่ในกรณีที่มีหนองไหลออกมาจากน้องชายด้วยแล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างแน่นอน ในบางรายอาจปวดหัวน้องชายร่วมกับปวดอัณฑะอันเนื่องมาจากภาวะนิ่วในกระเพาะปัสสาวะหรือในไต หรือบางกรณีที่ปวดหัวน้องชายไม่มากแต่มีอาการคันร่วมด้วยเล็กน้อย อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคภูมิแพ้ผิวหนังได้เช่นกันครับ
2. ปวดบริเวณก้อนอัณฑะ
อาจเกิดจากเส้นเลือดอัณฑะขอด อัณฑะอักเสบ หรือไส้เลื่อน แต่หากมีอาเจียนร่วมด้วยอาจเป็นสัญญาณเตือนของไส้เลื่อน ท่อนำอสุจิอักเสบ ซีสต์ (Cyst) ในถุงอัณฑะ หรืออัณฑะบิด ส่วนอาการปวดระหว่างอัณฑะและร่องก้นแสดงว่าเป็นโรคต่อมลูกหมากอักเสบครับ
3. ปวดน้องชายขณะแข็งตัว
อาจเกิดขึ้นขณะมีเพศสัมพันธ์อันเนื่องมาจากมีเลือดคั่งมาก หากมีอาการปวดเป็นระยะ ๆ ขณะแข็งตัว อาจเกิดจากโรคปลายประสาทอักเสบ หากมีอาการดังกล่าวต้องรีบเข้าพบแพทย์ทันที
4. ปวดลำกล้อง
มักเกิดขึ้นขณะปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะแสบขัด แสบร้อนบริเวณลำกล้อง หากมีเลือดไหลปนพร้อมกับน้ำปัสสาวะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ แต่หากมีเลือดไหลออกมาแต่ไม่รู้สึกปวดอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ด้วย
ผลข้างเคียงจากอาการปวดน้องชาย
- หากสัมผัสบ่อยอาจเกิดแผลง่าย
- สูญเสียความมั่นใจเมื่อต้องพบเจอผู้คนหรือมีกิจกรรมทางเพศกับคู่นอน
- ส่วนใหญ่มักมีอาการคันน้องชายร่วมด้วย
- อาจมีหนองหรือเลือดไหลร่วมด้วย
- ปวดร้าวบริเวณน้องชายและขาหนีบ อาจถึงขั้นขยับตัวไม่ได้
- ปัสสาวะแสบขัด
- กรณีที่ปวดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ในระยะยาว
- หากปล่อยไว้นานอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียน้องชายในอนาคต
ป้องกันอาการปวดได้อย่างไรบ้าง
1. ดูแลทำความสะอาดน้องชายอย่างถูกวิธี
เริ่มจากล้างน้องชายด้วยน้ำสะอาดก่อนเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามขาหนีบก่อน จากนั้นตีสบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นลงบนมือแล้วตีเป็นฟอง นำฟองที่ได้มาถูให้ทั่วน้องชาย โดยเริ่มจากส่วนโคนก่อนแล้วจึงรูดหนังหุ้มปลายเข้าหาตัว เปิดหัวองคชาตออกมาทำความสะอาด ถูเบา ๆ บริเวณหัวองคชาตและหนังหุ้มปลายด้วยฟองสบู่ เพื่อป้องกันการสะสมของขี้เปียก ทั้งนี้ไม่ควรใช้ฝักบัวฉีดน้ำแรง ๆ ไปยังน้องชายโดยตรง เพราะอาจทำให้น้องชายระคายเคืองหรือบาดเจ็บได้ ทางเราขอแนะนำให้ราดน้ำเบา ๆ ให้น้ำไหลลงจากร่างกายไปยังน้องชายแทน เมื่อล้างน้ำสะอาดเสร็จแล้ว ให้ใช้ผ้าขนหนูหรือทิชชู่หนาซับน้องชายให้แห้งเพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์บริเวณน้องชาย
2. รักษาปัญหาหนังหุ้มปลายตีบตัน
รู้หรือไม่ว่าหนังหุ้มปลายที่ตีบตันเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่มาจากสารคัดหลั่งจากร่างกายของเราได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการรูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาดหัวองคชาตเป็นประจำจะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพที่เกิดจากหนังหุ้มปลายตีบตันอย่างโรคหนังหุ้มปลายอักเสบหรือโรคมะเร็งองคชาต
ในกรณีที่คุณไม่สามารถเปิดหนังหุ้มปลายได้ แพทย์จะแนะนำให้คุณรักษาปัญหาหนังหุ้มปลายตีบด้วยการทายากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับต้านการอักเสบของผิวหนัง ได้แก่ ยาทา Triamcinolone (ไตรแอมซิโนโลน) และยาทา Betamethasone (เบต้าเมทาโซน) ทาวันละ 2 – 3 ครั้ง ตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ ทั้งนี้หากทาแล้วไม่ดีขึ้น ไม่สามารถเปิดหนังหุ้มปลายได้เหมือนเดิม แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดเอาหนังหุ้มปลายออกด้วยการขลิบ สำหรับการขลิบที่นิยมมากที่สุดคือการขลิบไร้เลือด ซึ่งเป็นการผ่าตัดโดยใช้เครื่องมือขลิบไร้เลือดอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) เพื่อผ่าเอาหนังหุ้มปลายออกและเย็บแผลด้วยกลัดอลูมิเนียมในเวลาเดียวกัน จึงใช้ระยะเวลาในการรักษาเพียง 10 – 15 นาทีเท่านั้น แต่กต่างจากการขลิบแบบเดิมที่ใช้เวลานานถึง 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมงในบางราย ด้วยความที่เย็บแผลทันทีที่ผ่าตัดเสร็จจึงทำให้เนื้อเยื่อบอบช้ำน้อย เลือดไม่ค่อยไหล ส่งผลให้แผลหายไว โดยแผลขลิบจะเริ่มดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ และไม่ต้องเสียเวลาม่าให้แพทย์ตัดไหมให้เพราะกลัดอลูมิเนียมที่ใช้เย็บแผลจะหลุดไปเองภายใน 1 สัปดาห์
หนังหุ้มปลายตีบเกิดจากอะไร ทำไมต้องรักษาด้วยการขลิบไร้เลือด
3. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
แม้ว่าคุณกับคู่รักหรือคู่นอนจะมั่นใจว่ามีเพศสัมพันธ์กันเพียงแค่คู่นอนเดียว ไม่เปลี่ยนบ่อยหรือมีคู่นอนมากกว่า 1 คนอย่างแน่นอน แต่ยังไม่มีแพลนว่าจะมีลูกด้วยกัน ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์โดยสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้มากถึง 85 – 98% แล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย นอกจากนี้งดการมีเพศสัมพันธ์แบบรุนแรงเกินไป เพราะอาจทำให้น้องชายบาดเจ็บ เกิดการระคายเคือง แถมยังทำให้ถุงยางฉีกขาดและเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ง่ายขึ้นด้วยครับ
4. พบแพทย์ทันทีที่รู้สึกปวด
ในกรณีที่คุณคิดว่าตัวเองไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เจ็บปวดบริเวณน้องชาย แต่กลับมีอาการปวดขึ้นมา อย่าชะล่าใจและคิดว่ามันจะหายไปเองครับ จริงอยู่ที่บางครั้งอาการปวดอาจหายไปเอง แต่อย่าลืมนะครับว่าถ้าไม่มีความผิดปกติใด ๆ ในร่างกายแล้วจะมีอาการปวดได้อย่างไร ทางที่ดีที่สุดให้รีบไปพบแพทย์ทันทีที่มีอาการหรือไปทันทีที่หายจากอาการปวด เพื่อป้องกันอันตรายในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ทันรู้ตัว
บทความที่น่าสนใจ
- คันน้องชายบ่อย ๆ อันตรายมั้ย ดูแลอย่างไรให้ถูกวิธี
- หลั่งไวเกิดจากอะไร มีวิธีชะลอการหลั่งได้อย่างไรบ้าง
- อย่าเพิ่งขลิบ!! หากยังไม่ได้ดูรีวิวแผลขลิบจากคลินิกชั้นนำ
ขลิบไร้เลือด ที่ไหนดี
และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Gentle Clinic ยืนหนึ่งในด้านสุขภาพทางเพศคุณผู้ชายและการขลิบ สามารถขลิบได้ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะเรามีโปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า จึงช่วยลดการอักเสบของแผล ไร้ปวดได้ในทันที และไร้อาการบวมอักเสบในวันต่อมา อีกทั้งช่วยเร่งสมานแผล ให้แผลแห้งไวภายใน 3 วัน ลดการติดเชื้อได้มากกว่า 90% จึงไม่ต้องพักฟื้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องทำแผลเองที่บ้าน
โปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ใช้ในโรงพยาบาลต่างประเทศ เพื่อช่วยเร่งสมานแผลเรื้อรัง แผลเบาหวาน หรือแม้แต่แผลในการผ่าตัดศัลยกรรมความงามที่เรานำมาใช้ ที่ GentleClinic เราดูแลให้ครบทั้งก่อนและหลังขลิบ ไม่เจ็บตอนทำ ไม่ปวดหลังทำ แล้วก็ไม่ต้องพักฟื้นครับ
สำหรับใครที่กำลังมองหา คลินิกขลิบปลายผู้ใหญ่ มากประสบการณ์ การันตีด้วยจำนวนเคสสำเร็จและรีวิวความประทับใจจากลูกค้าจำนวนมาก เรา Gentle Clinic คือคำตอบ เพราะเราเป็นคลินิกเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทยที่นำเอาเครื่องขลิบแบบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ที่มีความแม่นยำสูงมาใช้ในการรักษา ทำให้ใช้เวลาขลิบและเย็บแผลเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บหลังการรักษาได้มากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์สูง สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถรับแก้เคสขลิบแผลไม่สวยงามจากการขลิบที่อื่น คลินิกของเราพร้อมให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 15 สาขา มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://bit.ly/Gentle4Men
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand