หนังหุ้มปลายเยอะเกินไป

หนังหุ้มปลายเยอะเกินไป อันตรายมั้ย ต้องรักษาด้วยวิธีไหน

Facebook
Twitter

หลายคนอาจไม่เคยสังเกตตัวเองมาก่อนและคิดว่าหนังหุ้มปลายของตัวเองมีขนาดพอดี แต่ในความเป็นจริงแล้วบางคนอาจมีหนังหุ้มปลายเยอะเกินไปจนสร้างความลำบากในการใช้ชีวิต หรือหากไม่เกิดผลใดๆ ในตอนนี้ แต่อาจส่งผลต่อการทำความสะอาดน้องชายในระยะยาวได้ด้วยครับ ว่าแต่ภาวะดังกล่าวเกิดจากอะไร ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง รวมถึงมีวิธีดูแลรักษาอย่างไรไม่ให้มารบกวนใจในอนาคต วันนี้ Gentle Clinic มีคำตอบครับ

หนังหุ้มปลายเยอะเกินไปอันตรายมั้ย

หนังหุ้มปลายเยอะ

 

 

ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายมีหน้าที่ป้องกันการเสียดสีบริเวณหัวองคชาต และรูปัสสาวะ โดยทั่วไปแล้วหนังหุ้มปลายของผู้ชายสามารถรูดขึ้น – ลงเพื่อทำความสะอาดหัวองคชาตได้ ตั้งแต่อายุ 1-2 ขวบ และเปิดออกมาจนสุดได้เมื่ออายุ 5-7 ปี

แต่กลับมีผู้ชายจำนวนมากที่ไม่สามารถเปิดหนังหุ้มปลายออกมาเองได้ พยายามเปิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ็บ และหากปล่อยให้หนังหุ้มปลายปิดเป็นเวลานาน อาจเสี่ยงต่อการสะสมของเชื้อแบคทีเรียอย่าง ยีสต์แคนดิดา (Candida) ที่มาจากสารคัดหลั่งต่าง ๆ ในร่างกายที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณน้องชาย ตามมาด้วยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์, รู้สึกแสบขณะปัสสาวะ หรือมีหนองไหลออกมาจากรูปัสสาวะ หากรุนแรงอาจถึงขั้นเป็นโรคมะเร็งองคชาต (Penile Cancer) ดังนั้นการกำจัดหนังหุ้มปลายจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้ที่มีหนังหุ้มปลายเยอะเกินไปครับ

กรณีที่คุณมีหนังหุ้มปลายที่เยอะเกินไปแต่ยังสามารถเปิดได้อยู่โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บนั้น ถือว่าเป็นเรื่องดีครับ แต่ในความเป็นจริงแล้วผิวหนังของคนเราจะเริ่มเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น หนังหุ้มปลายก็เช่นกันครับ และเมื่อหนังหุ้มปลายเสื่อมสภาพแล้ว ย่อมส่งผลต่อการรูดขึ้น-ลงของหนังหุ้มปลายที่ยากขึ้นด้วย

หนังหุ้มปลายเยอะ แก้ยังไงดี

สำหรับวิธีแก้ปัญหานั้น แพทย์จะทำการวิธีขลิบอวัยวะเพศเพื่อกำจัดหนังหุ้มปลายออก ซึ่งจะช่วยให้ทำความสะอาดหัวองคชาตง่ายขึ้น โดยทั่วไปแล้วการขลิบมี 3 ประเภท ได้แก่

  • ขลิบด้วยใบมีดและไฟฟ้า เป็นการขลิบแบบดั้งเดิม โดยแพทย์จะเปิดแผลและตัดหนังหุ้มปลายด้วยมีด จากนั้นจึงใช้ไฟฟ้าตบแต่งแผลเพื่อความสวยงามและเย็บให้เข้ารูป
  • ขลิบด้วยเลเซอร์ จะใช้วิธีเดียวกันกับการขลิบด้วยใบมีดและไฟฟ้า เพียงแต่เปลี่ยนจากมีดเป็นเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 laser) สำหรับเปิดแผลและตัดหนังหุ้มปลายออก จากนั้นจึงเย็บแผลให้เข้ารูป
  • ขลิบไร้เลือด เป็นการขลิบโดยใช้เครื่องมือขลิบไร้เลือดอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ในการตัดรอบวงหนังหุ้มปลายและเย็บแผลติดกันด้วยกลัดอลูมิเนียมในเวลาเดียวกัน

ขลิบไร้เลือดดีกว่าการขลิบแบบอื่นอย่างไร

เนื่องจากการขลิบไร้เลือดจะใช้เครื่องมือขลิบไร้เลือดอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ในการผ่าตัด จึงอำนวยความสะดวกในการผ่าตัดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความแม่นยำในการผ่าหนังหุ้มปลายและความรวดเร็วในการเย็บแผลทันทีที่ผ่าหนังออกภายในคลิกเดียว จึงช่วยลดการสูญเสียเลือดระหว่างผ่าตัดได้มากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม ผลลัพธ์ที่ได้จึงเหนือกว่าการขลิบแบบดั้งเดิมแน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นแผลที่เรียบสวย, แผลสมานตัวเร็ว แห้งไว, เนื้อเยื่อบอบช้ำน้อยเนื่องจากผ่าเสร็จแล้วเย็บแผลทันที ส่งผลให้ใช้เวลาพักฟื้นน้อย ส่วนการตัดไหมแบบเดิม ๆ นั้นลืมไปได้เลยครับ เพราะการขลิบไร้เลือดจะใช้กลัดอลูมิเนียมแทนการตัดไหม โดยตัวกลัดจะหลุดออกเองภายใน 1 สัปดาห์ จึงไม่ต้องกลับมาหาแพทย์อีกครั้ง

และด้วยความที่เครื่องชนิดนี้เป็นเครื่องมือแพทย์ระดับสอง ควรทำให้เสร็จภายในครั้งเดียว ดังนั้นเซ็ตเครื่องมือทุกชิ้นจึงผ่านการควบคุมคุณภาพมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ใช้งานเสร็จแล้วทิ้งทันที ไม่มีการนำกลับมาใช้อีก ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการใช้เครื่องมือซ้ำนั่นเองครับ

ขั้นตอนการขลิบไร้เลือด

ขลิบไร้เลือด-รีวิว-เจ้าแรกในไทย

ดูแลแผลหลังขลิบอย่างไรให้แผลหายไว

  • แกะเซ็ททำแผลโดยอย่าให้นิ้วไปโดนอุปกรณ์ทำความสะอาด เพราะอาจทำให้อุปกรณ์สกปรก จากนั้นแกะผ้ายืดพันแผลและตัดเทปเยื่อกระดาษ
  • หยิบสำลีเช็ดวนรอบแผล ทั้งนี้เราไม่แนะนำให้เช็ดแรงเกินไปเพราะอาจรู้สึกเจ็บและทำให้แผลอักเสบได้
  • เช็ดวนจนกว่าจะครบ 3 ก้อน จากนั้นใช้ปากคีบหนีบผ้าก็อซมาวางให้รอบหัวองคชาต ซึ่งจะช่วยซับแผลให้แห้งไว
  • เทเบตาดีนลงไปในสำลี จากนั้นใช้ปากครีบครีบสำลีมาทาแผลเพื่อฆ่าเชื้อ
  • ใช้ผ้าก๊อซอีกแผ่นซับแผลเบา ๆ เมื่อซับแห้งแล้วค่อยหยิบผ้าก๊อซมาพันแผล
  • คลี่ผ้าก๊อซออกแล้วพับครึ่งในแนวยาว พันรอบ ๆ แผลขลิบให้กระชับ แต่ไม่ควรแน่นเกินไปเพราะอาจทำให้เลือดคลั่งบริเวณแผล
  • เมื่อพันเสร็จแล้วค่อยใช้เทปเยื่อกระดาษติดผ้ายืด กรณีที่มีเลือดซึมออกมา ให้ใช้มือกำค้างไว้ประมาณ 3-5 นาที เพื่อห้ามเลือด จากนั้นค่อยปล่อยมือออก

ขลิบไร้เลือดที่ไหนดี

หนังหุ้มปลายเยอะ

เคสหนังหุ้มปลายเยอะ

เคสหนังหุ้มปลายเยอะ

และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Gentle Clinic ยืนหนึ่งในด้านสุขภาพทางเพศคุณผู้ชายและการขลิบ สามารถขลิบได้ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะเรามีโปรแกรม OXYLAB  (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า จึงช่วยลดการอักเสบของแผล ไร้ปวดได้ในทันที และไร้อาการบวมอักเสบในวันต่อมา

อีกทั้งช่วยเร่งสมานแผล ให้แผลแห้งไวภายใน 3 วัน ลดการติดเชื้อได้มากกว่า 90%  จึงไม่ต้องพักฟื้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องทำแผลเองที่บ้าน

โปรแกรม OXYLAB  (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ใช้ในโรงพยาบาลต่างประเทศ เพื่อช่วยเร่งสมานแผลเรื้อรัง แผลเบาหวาน หรือแม้แต่แผลในการผ่าตัดศัลยกรรมความงามที่เรานำมาใช้

ที่ GentleClinic เราดูแลให้ครบทั้งก่อนและหลังขลิบ ไม่เจ็บตอนทำ ไม่ปวดหลังทำ แล้วก็ไม่ต้องพักฟื้นครับ

สำหรับใครที่กำลังมองหา คลินิกขลิบปลายผู้ใหญ่ มากประสบการณ์ การันตีด้วยจำนวนเคสสำเร็จและรีวิวความประทับใจจากลูกค้าจำนวนมาก เรา Gentle Clinic คือคำตอบ เพราะเราเป็นคลินิกเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทยที่นำเอาเครื่องขลิบแบบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ที่มีความแม่นยำสูงมาใช้ในการรักษา ทำให้ใช้เวลาขลิบและเย็บแผลเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บหลังการรักษาได้มากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์สูง สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถรับแก้เคสขลิบแผลไม่สวยงามจากการขลิบที่อื่น คลินิกของเราพร้อมให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 15 สาขา มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา

  • เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
  • Line: https://bit.ly/Gentle4Men
  • Facebook: Gentle Clinic
  • Instagram: gentleclinic_thailand

รีวิวจากผู้ใช้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ