ยังมีผู้ชายอีกหลายคนที่รู้สึกเจ็บปวด คันน้องชาย ต้องแอบเกาอยู่บ่อยครั้ง เกาไปนาน ๆ ก็บวมแดงขึ้นมาซะอย่างนั้น แถมมาพร้อมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์คอยมากวนใจให้รู้สึกอยากจะล้างน้องชายตลอดเวลา บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นมีเลือดไหลออกมาจากน้องชายเลยทีเดียว อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนของภาวะอวัยวะเพศอักเสบที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เราจะมาพูดถึงสาเหตุ วิธีการรักษา และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับคุณกันครับ
อวัยวะเพศอักเสบคืออะไร
น้องชายอักเสบ หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อว่า หนังหุ้มปลายอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดการอักเสบบริเวณหนังหุ้มปลาย ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองบริเวณน้องชาย เจ็บปวดทุกครั้งที่น้องชายแข็งตัวหรือมีเพศสัมพันธ์ มีกลิ่นอับ หากปล่อยไว้นานอาจก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพน้องชายตามมา ยกตัวอย่างเช่น ท่อปัสสาวะตีบตัน โรคปัสสาวะไหลย้อนกลับ มะเร็งองคชาต ฯลฯ โดยภาวะดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณเชื้อแบคทีเรียหรือยีสต์สะสมอยู่ตามหนังหุ้มปลายมากเกินไป ส่วนมากมักพบได้บ่อยในผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลาย
อวัยวะเพศอักเสบเกิดจากอะไร
- การทำความสะอาดน้องชายผิดวิธี เช่น ถูน้องชายแรงเกินไป หรือฉีดน้ำแรง ๆ จากฝักบัวราดใส่น้องชายโดยตรง
- ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่เหมาะกับสภาพผิวของน้องชาย
- ระคายเคืองจากสารในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดน้องชายหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้า
- ละเลยการทำความสะอาดน้องชายหลังปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะกระเด็นมาเกาะติดบนผิวหนังชายและเกิดการสะสมของแบคทีเรีย
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย
- เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือมีเพศสัมพันธ์มากกว่า 1 คู่นอน
- ละเลยการทำความสะอาดทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์
- ปล่อยให้ขนน้องชายยาวและเยอะเกินไป จนกลายเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียที่มาจากสารคัดหลั่ง
- สวมกางเกงรัดแน่นเกินไปจนไม่มีที่ให้น้องชายได้ระบายอากาศ
- ผู้ป่วยโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคมะเร็งผิวหนัง โรคสะเก็ดเงิน
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- ผู้ที่มีภาวะหนังหุ้มปลายตีบ
อวัยวะเพศอักเสบมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
- Zoon balanitis เป็นผื่นแดงวงกลมบริเวณหัวองคชาต
- Circinate Balanitis เป็นแผลขนาดเล็กบริเวณน้องชาย พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบ
- Micaceous Balanitis เป็นหูดขึ้นบริเวณหัวองคชาต แม้จะพบได้ไม่บ่อยแต่มักเกิดกับผู้สูงอายุ
อาการของอวัยวะเพศอักเสบ
- มีกลิ่นไม่พึงประสงค์
- คันน้องชายบ่อยครั้ง
- แสบขัดขณะปัสสาวะ
- เจ็บปวดบริเวณหัวองคชาต
- หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตึง
- หนังหุ้มปลายบวมเป็นก้อน
- น้องชายเปลี่ยนเป็นสีแดง
- มีแผลบริเวณน้องชาย
- มีเลือดออกรอบหนังหุ้มปลาย
- สารคัดหลั่งจับตัวเป็นก้อนสีขาวหรือสีเหลือง
- หนังหุ้มปลายตีบ รูดหัวองคชาตออกมาไม่ได้
ภาวะแทรกซ้อนจากอวัยวะเพศอักเสบ
- ท่อปัสสาวะตีบตัน เนื่องจากเลือดไหลไปเลี้ยงน้องชายไม่เพียงพอ
- โรคปัสสาวะไหลย้อนกลับ
- ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ง่ายขึ้น
- เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งองคชาต
รักษาอวัยวะเพศอักเสบได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
- การใช้ยา คุณหมอจะให้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อรา ขึ้นอยู่กับเหตุที่ทำให้เกิดโรคนั้น ๆ เช่น หากคนไข้ติดเชื้อแบคทีเรียก็จะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่หากติดเชื้อราแคนดิดา ก็จะรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อรา หรือหากเกิดจากโรคภูมิแพ้ก็จะรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ชนิดอ่อนผสมกับยาปฏิชีวนะ
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำความสะอาดน้องชาย หากสาเหตุมาจากการดูแลทำความสะอาดไม่ดีหรือผิดวิธี เช่น ถูน้องชายแรงไป ไม่เคยรูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาด หรือรูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาดไม่ได้ คุณหมอจะให้ยาทากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับต้านการอักเสบของผิวหนัง ได้แก่ ยาทา Triamcinolone (ไตรแอมซิโนโลน) และยาทา Betamethasone (เบต้าเมทาโซน) รวมถึงแนะนำวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้องให้แก่ผู้ป่วยด้วย
ป้องกันอวัยวะเพศอักเสบได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
1. ดูแลความสะอาดของน้องชาย
สำหรับการทำความสะอาดน้องชายที่ถูกต้องจะปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- เทสบู่หรือผลิตภัณฑ์ล้างจุดซ่อนเร้นพอประมาณ จากนั้นตีให้เป็นฟอง
- นำฟองมาถูให้ทั่วน้องชาย โดยเริ่มตั้งแต่ส่วนโคนก่อน กรณีที่คุณไม่ได้ขลิบ ให้รูดหนังหุ้มปลายเข้าหาตัวและถูบริเวณหัวองคชาตให้ทั่ว
- ดึงหนังหุ้มออกมาแล้วใช้นิ้วถูข้างในหนังหุ้มปลายอย่างเบามือ
- ราดน้ำเบา ๆ จากหน้าท้อง ให้น้ำไหลไปยังน้องชายเพราะป้องกันไม่ให้ฉีดน้ำใส่น้องชายแรงเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
- เมื่อล้างน้ำเสร็จ ให้ใช้ผ้าขนหนูหรือทิชชู่หนาซับน้องชายให้แห้ง เพื่อป้องกันน้องชายอับชื้นและมีกลิ่น
2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวหนังชาย
เนื่องจากน้องชายเป็นจุดบอบบางมาก จึงไม่เหมาะกับสบู่สำหรับทำความสะอาดร่างกายที่มีค่า pH เป็นด่างและมีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อน้องชาย ดังนั้นควรเลือกสบู่สูตรอ่อนหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดน้องชายโดยเฉพาะจะปลอดภัยต่อน้องชายมากที่สุดครับ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้าที่อาจไม่เหมาะสำหรับน้องชาย เนื่องจากมีส่วนผสมของสารขจัดคราบสกปรก, สารฟอกขาว, สารปรับผ้านุ่ม, น้ำหอม และอื่น ๆ อีกมากที่เสี่ยงต่อการระคายเคือง กรณีที่มีผิวแพ้ง่ายแนะนำให้ใช้น้ำยาซักผ้าธรรมชาติแทนครับ
3. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
วิธีมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยที่สุดคือการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง นอกจากนี้ควรมีคู่นอนเพียงคนเดียว ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยหรือมีคู่นอนมากกว่า 1 คน เพื่อป้องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
4. สวมเสื้อผ้าใส่สบาย
การใส่เสื้อผ้าอับชื้นหรือรัดแน่นเกินไป อาจทำให้เหงื่อไคลไหลลงมายังน้องชายได้ง่ายขึ้น ทางที่ดีควรเลือกใส่เสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายอากาศได้ดีอย่างผ้าคอตตอน (Cotton) ผ้าไหม (Silk) หรือผ้าลินิน (Linen) จะดีต่อน้องชายไม่น้อยเลยครับ นอกจากนี้อย่าลืมจัดการเสื้อผ้าไม่ให้อับชื้นด้วยนะครับเพราะนอกจากจะเกิดกลิ่นอับง่ายแล้ว เสื้อผ้าที่อับชื้นยังก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวน้องชายได้อีกด้วยครับ
5. การขลิบไร้เลือด
เป็นวิธีการรักษาปัญหาหนังหุ้มปลายตีบจนรูดออกมาทำความสะอาดหัวองคชาตไม่ได้ โดยคุณหมอจะใช้เครื่องขลิบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Staple Circumcision) สวมครอบน้องชายเพื่อตัดรอบวงหนังหุ้มปลายพร้อมทั้งเย็บแผลด้วยกลัดอลูมิเนียมภายในเวลาเดียวกัน นอกจากจะใช้เวลาการรักษาเพียง 10 – 15 นาที แตกต่างจากวิธีขลิบแบบดั้งเดิมที่นอกจากจะใช้เวลานานถึง 30 นาทีแล้ว ยังเสี่ยงต่อการบาดเจ็บน้อย เนื่องจากการขลิบแบบดั้งเดิมจะต้องใช้เวลาเย็บแผลพอสมควร ทำให้เนื้อเยื่อบอบช้ำมาก ส่งผลให้แผลหายช้า ส่วนการขลิบไร้เลือดที่ผ่าและเย็บแผลทันทีจะช่วยให้เนื้อเยื่อบอบช้ำน้อย แผลจึงแห้งไวหายเร็ว ยิ่งทำความสะอาดแผลเป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งช่วยให้แผลหายไวมากยิ่งขึ้นด้วยครับ นอกจากนี้การขลิบไร้เลือดยังปลอดภัยต่อตัวคนไข้อีกด้วย เนื่องจากเครื่องขลิบอัตโนมัติแบบสวมครอบเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ระดับ 2 เมื่อใช้เสร็จแล้วก็ทิ้งทันทีเพื่อป้องกันการติดเชื้อ อีกทั้งไม่ต้องเสียเวลามาให้คุณหมอตัดไหมให้ เพราะกลัดอลูมิเนียมจะหลุดออกเองภายใน 1 สัปดาห์
อ่านเพิ่มเติม: ทำไมต้องขลิบ ขลิบดีอย่างไร?
บทความที่น่าสนใจ
- ตอบทุกข้อสงสัย ไขทุกข้อข้องใจเกี่ยวกับการขลิบไร้เลือด
- ขลิบแล้วไม่แข็งเกิดจากอะไร แล้วการขลิบแบบไหนถึงจะปลอดภัย
- ดูแลหลังขลิบอย่างไร ไม่ให้แผลขลิบอักเสบ
ขลิบไร้เลือด ที่ไหนดี
และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Gentle Clinic ยืนหนึ่งในด้านสุขภาพทางเพศคุณผู้ชายและการขลิบ สามารถขลิบได้ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะเรามีโปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า จึงช่วยลดการอักเสบของแผล ไร้ปวดได้ในทันที และไร้อาการบวมอักเสบในวันต่อมาอีกทั้งช่วยเร่งสมานแผล ให้แผลแห้งไวภายใน 3 วัน ลดการติดเชื้อได้มากกว่า 90% จึงไม่ต้องพักฟื้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องทำแผลเองที่บ้าน
โปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ใช้ในโรงพยาบาลต่างประเทศ เพื่อช่วยเร่งสมานแผลเรื้อรัง แผลเบาหวาน หรือแม้แต่แผลในการผ่าตัดศัลยกรรมความงามที่เรานำมาใช้ ที่ GentleClinic เราดูแลให้ครบทั้งก่อนและหลังขลิบ ไม่เจ็บตอนทำ ไม่ปวดหลังทำ แล้วก็ไม่ต้องพักฟื้นครับ
สำหรับใครที่กำลังมองหา คลินิกขลิบปลายผู้ใหญ่ มากประสบการณ์ การันตีด้วยจำนวนเคสสำเร็จและรีวิวความประทับใจจากลูกค้าจำนวนมาก เรา Gentle Clinic คือคำตอบ เพราะเราเป็นคลินิกเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทยที่นำเอาเครื่องขลิบแบบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ที่มีความแม่นยำสูงมาใช้ในการรักษา ทำให้ใช้เวลาขลิบและเย็บแผลเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บหลังการรักษาได้มากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์สูง สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถรับแก้เคสขลิบแผลไม่สวยงามจากการขลิบที่อื่น คลินิกของเราพร้อมให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 15 สาขา มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://bit.ly/Gentle4Men
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand