ผลัดเซลล์ผิวหน้า รักษาหลุมสิวได้จริงไหม มีข้อควรรู้อะไรบ้าง

Facebook
Twitter

หนึ่งในวิธีที่สามารถรักษาหลุมสิวได้นั่นก็คือการผลัดเซลล์ผิวหน้า หลายคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหลุมสิวอะไร แต่เห็นว่าเป็นหลุมสิว เลยพาตัวเองไปผลัดเซลล์ผิวหน้า แต่ในความเป็นจริงแล้ววิธีนี้อาจรักษาหลุมสิวได้เพียงบางประเภทเท่านั้น ว่าแต่วิธีนี้คืออะไร ช่วยรักษาสิวได้จริงไหม

การผลัดเซลล์ผิวหน้าคืออะไร

เป็นการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหนังชั้นบนเพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ลดการอุดตันของรูขุมขน สามารถทำได้ทั้งแบบกายภาพ เช่น การสครับ, แบบเคมี เช่น การใช้กรด AHA, BHA และแบบเอนไซม์ ที่นอกจากจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นแล้ว วิธีนี้ยังช่วยรักษาหลุมสิวโดยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว เพื่อให้การผลัดเซลล์ผิวทำงานควบคู่ไปกับการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว จึงช่วยเติมเต็มรอยแผลเป็นจากสิวให้ดีขึ้น

การผลัดเซลล์ผิวหน้ามีกี่แบบ อะไรบ้าง

1. การผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีทางกายภาพ (Physical Exfoliator)

เป็นการใช้เครื่องมือหรือผลิตภัณฑ์นวดให้ทั่วใบหน้าจากล่างขึ้นบน เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหน้า เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น โดยใช้ร่วมกับส่วนผสมที่เป็นเม็ดขนาดเล็กๆ หรือแร่ธาตุต่างๆ มีทั้งแบบสครับ ที่ใช้เม็ดขัดจากเกล็ดน้ำตาล, เม็ดข้าวโอ๊ต, เม็ดมุก, ฟองน้ำหรือแปรง ที่ออกแบบมาสำหรับทำความสะอาดผิวหน้า และเครื่องผลัดเซลล์ผิวที่ใช้ในคลินิกเสริมความงามชั้นนำ

2. การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Exfoliation)

เป็นการใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหน้า สำหรับสารเคมีที่ใช้จะมีทั้งกรด AHA (Alpha Hydroxy Acid), กรด BHA (Beta Hydroxy Acid) หรือกรด Enzymes โดยสารเคมีที่ใช้จะละลายพันธะระหว่างเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างเพื่อเผยผิวใหม่อกมา วิธีนี้จะช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียน กระจ่างใส และลดปัญหาผิวต่างๆ เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ และหลุมสิว

3. การผลัดเซลล์ผิวด้วยเอนไซม์ (Enzyme Exfoliation)

เป็นการใช้เอนไซม์จากธรรมชาติที่มาจากผลไม้บางชนิดทาลงบนผิวทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เพื่อใช้ในการละลายและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหน้า วิธีนี้จะใช้เอนไซม์ในการย่อยและทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกไปอย่างอ่อนโยน สำหรับเอนไซม์ที่ใช้จะเป็นเอนไซม์ Papain จากมะละกอ, เอนไซม์ Bromelain จากสับปะรด หรือเอนไซม์ Pumpkin Enzyme จากฟักทอง ถือเป็นวิธีการผลัดเซลล์ผิวที่อ่อนโยนที่สุด เนื่องจากไม่จำเป็นต้องขัดถูผิวหน้าและไม่ทำลายความชุ่มชื้นของผิว จึงเหมาะสำหรับผิวทุกประเภท โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย

ควรผลัดเซลล์ผิวหน้าบ่อยแค่ไหน

ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนครับ กรณีที่มีผิวมัน เป็นสิวง่าย ควรใช้ BHA ผลัดเซลล์ผิวสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง กรณีที่มีผิวผสมหรือผิวธรรมดา ควรใช้ AHA ผลัดเซลล์ผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือหากมีผิวแห้ง แพ้ง่าย แนะนำให้ใช้ PHA ผลัดเซลล์ผิวสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็พอครับ

ผลัดเซลล์ผิวหน้า รักษาหลุมสิวแบบไหนได้บ้าง

วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษาหลุมสิวตื้น (Rolling Scars) เท่านั้น เนื่องจากหลุมสิวประเภทนี้มีระดับความลึกไม่มาก อยู่เพียงชั้นผิวบนสุดของเรา (Epidermis) เท่านั้น แต่หลุมสิวกล่อง (Boxcar Scar) และหลุมสิวลึก (Ice Pick Scars) เป็นหลุมสิวที่อยู่ในชั้นผิวลึก (Dermis) ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวไม่สามารถเข้าถึงผิวชั้นนี้ได้ จำเป็นต้องรักษาหลุมสิวลึกด้วยวิธีอื่นแทน

ผลัดเซลล์ผิวหน้า มีผลข้างเคียงไหม

  • การผลัดเซลล์ผิวด้วยการใช้เครื่องมือขัดผิวที่มีขนาดเม็ดขัดที่หยาบเกินไปหรือใช้กรดเข้มข้นที่มีปริมาณความเข้มข้นสูง อาจระคายเคืองต่อผิวได้
  • การผลัดเซลล์ผิวมากเกินไปอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ผิวบางลง ทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง
  • หลังจากผลัดเซลล์ผิวแล้วจะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้นและอาจเกิดจุดด่างดำ
  • หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว หรือทำความสะอาดผิวหลังการผลัดเซลล์ผิวไม่ดีพอ อาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและเกิดสิวตามมา
  • หากผลัดเซลล์ผิวมากเกินไปอาจทำให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ไม่ดีพอ ผิวจึงดูหมองคล้ำและเกิดการอักเสบ
  • หากผลัดเซลล์ผิวอย่างรุนแรง อาจเกิดแผลเป็นหรือมีรอยด่างดำในระยะยาว

ข้อควรรู้ก่อนผลัดเซลล์ผิวหน้า

1. ห้ามผลัดเซลล์ผิวขณะมีปัญหา

จริงอยู่ที่การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น แต่หากผิวกำลังมีปัญหาอยู่ การผลัดเซลล์ผิวอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอาการรุนแรงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีผิวแห้ง ลอกเป็นขุย เป็นสัญญาเตือนว่าผิวของคุณสูญเสียความชุ่มชื้นอยู่แล้ว หากผลัดเซลล์ผิวเข้าไปอีกก็อาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากกว่าเดิม อาจก่อให้เกิดอาการแสบ แดง หรือผิวลอกมากขึ้น หรือหากคุณมีสิวอักเสบอยู่แล้วไปผลัดเซลล์ผิว ก็อาจทำให้สิวอักเสบรุนแรงกว่าเดิมอีกด้วย ทางที่ดีควรรักษาปัญหาผิวให้หายก็แล้วค่อยผลัดเซลล์ผิวจะดีที่สุดครับ

2. ไม่ควรผลัดเซลล์ผิวทุกวัน

หลายคนต้องการผลัดเซลล์ผิวทุกวันเพื่อเร่งกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ อยากให้ใบหน้ากลับมาเรียบเนียนให้ไวที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้วการผลัดเซลล์ผิวควรทำแค่สัปดาห์ละ 1-3 ครั้ง เพราะหากผลัดเซลล์ผิวมากไปกว่านี้อาจทำให้เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ถูกทำลาย ส่งผลให้ผิวไวต่อแสงแดดและเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายขึ้น เมื่อผิวถูกผลัดเซลล์มากเกินไปอาจทำให้ร่างกายเข้าใจผิดว่าผิวขาดความชุ่มชื้นและผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เพื่อรักษาความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวหน้ามันและมีสิ่งสกปรกอุดตันอยู่ในรูขุมขนจนกลายเป็นสิวอักเสบตามมา

3. ดูแลหลังผลัดเซลล์ผิวอย่างถูกวิธี

การดูแลผิวอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์หลังการรักษาออกมาดีที่สุด โดยการทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน (ปราศจากแอลกอฮอล์ ซัลเฟต น้ำหอม สารกันเสีย สารทำให้เกิดฟอง หรือสารเคมีรุนแรง), ทามอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว, ใช้ครีมบำรุงที่ช่วยซ่อมแซมผิวที่มีส่วนผสมของวิตามิน C หรือเซราไมต์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าด้วยการแกะหรือเกาแรงๆ, หลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีกรดเข้มข้นอย่างกรด AHA, BHA หรือกรดวิตามิน A (เรตินอล) และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง

ไม่อยากผลัดเซลล์ผิว รักษาหลุมสิววิธีไหนดีที่สุด

โปรแกรม ScarSurgery หรือ ศัลยกรรมเสริมเนื้อใต้หลุมสิวถาวรด้วยเทคโนโลยี Juvgen จาก Gentle Clinic ที่ถูกคิดค้นด้วย ดร.จิน หรือนายแพทย์ จินเซฮุน (Dr. Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลี ผ่านการฉีด Co2 foam ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) อนุภาคเล็กเข้าไปยังชั้นหนังแท้ใต้แผลเป็น หลุมสิว หรือริ้วรอยร่องลึก โดยแพทย์จะฉีดสารเข้าไปทีละนิด ๆ เพื่อฉีกเซลล์ทิ้งและกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากเพื่อปิดหลุมสิวในทันที แต่หลังจากการรักษาประมาณ 30-60 วัน ตัวสารที่ฉีดเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากบริเวณหลุมสิว ส่งผลให้มีการเติมเต็มเนื้อเยื่ออย่างถาวร คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องกลับมารักษาซ้ำเป็นรอบที่สอง

นอกจากนี้ตัวเครื่องจูวีเจนถูกออกแบบสำหรับรักษาปัญหาผิวหน้าโดยเฉพาะ คนไข้จึงไม่ต้องฉีดยาชาบรรเทาอาการเพราะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งระหว่างและหลังการรักษาแล้ว และที่สำคัญยังไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: บริการฉีดสร้างเนื้อหลุมสิวถาวร Juvgen จาก Gentle Clinic

บทความที่น่าสนใจ

ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic

Gentle Clinic เราเป็นเจ้าแรกในไทยที่ใช้เทคนิคการรักษาหลุมสิว JuvGenesis จาก Dr.จิน (Jin Se-hun) ผ่านโปรแกรม ScarSurgery ที่กล้าการันตีผลลัพธ์หลังการรักษา ทำครั้งเดียวจบ ไม่ต้องมาทำซ้ำ และที่สำคัญตัวเครื่องมือถูกออกแบบมาสำหรับรักษาปัญหาหลุมสิวโดยเฉพาะ จึงรักษาปัญหาได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ปลอดภัยต่อทุกสีผิว (ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงเหมือนเลเซอร์) ระหว่างทำไม่จำเป็นต้องแปะยาชาเพราะไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาเหมือนวิธีอื่นๆ อีกด้วย

นอกจากเทคนิคการรักษาและเครื่องมือคุณภาพสูงแล้ว เรายังมีทีมแพทย์ของมากประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGenesis

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ