ขัดผิวหน้า

ขัดผิวหน้าซ้ำแต่หน้ายังพัง หลุมสิวไม่หาย ทำไมต้องฉีดโฟมยกผิว

Facebook
Twitter

หลายคนอาจเคยได้ยินมาว่าการขัดผิวหน้าจะช่วยรักษาหลุมสิวได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการขัดผิวจำเป็นจะต้องขัดซ้ำๆ ซึ่งอาจทำร้ายผิวหน้าของเราโดยไม่รู้ตัว และหากขัดผิวซ้ำไม่ถูกกับประเภทของหลุมสิวก็อาจเกิดปัญหาผิวหน้าอื่นๆ ตามมาอีกมาก แล้วทำไมการฉีดโฟมยกผิวถึงตอบโจทย์การรักษาหลุมสิวมากที่สุด บทความนี้มีคำตอบครับ

ขัดผิวหน้าซ้ำๆ รักษาหลุมสิวได้จริงไหม

แม้ว่าการขัดผิวหน้าซ้ำๆ อาจจะช่วยให้หลุมสิวแบบตื้น (Rolling) หรือแบบกล่อง (Boxcar) ที่ไม่ลึกมาก ดูเรียบขึ้นได้ในระดับหนึ่ง เพราะเทคนิคนี้จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วิธีนี้จะใช้ไม่ได้ผลกับหลุมสิวลึกแบบลึก (Ice pick) และหากขัดผิวบ่อยหรือขัดแรงเกินไป อาจทำให้ผิวบางลง ระคายเคืองง่าย เกิดการอักเสบ และเสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิวใหม่หรือรอยดำเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น แม้ว่าจะมีข้อดีในด้านการปรับผิวให้เรียบขึ้น แต่จำเป็นต้องทำอย่างอ่อนโยนโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยเฉพาะ และไม่ควรบ่อยเกินสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ที่สำคัญควรเสริมด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างเรตินอล, เซรั่มวิตามินซี หรือมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อสร้างสมดุลผิวควบคู่กันไปด้วยครับ

ขัดผิวหน้าซ้ำๆ ทำร้ายผิวหน้าอย่างไร

1. ผิวบางลงและบอบบางง่าย

การขัดผิวบ่อยเกินไปจะไปรบกวนหรือทำลายชั้นปกป้องผิวตามธรรมชาติ ที่ทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นและป้องกันผิวจากสิ่งกระตุ้นภายนอก เมื่อชั้นผิวอ่อนแอลง ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นง่ายขึ้น ผิวแห้งตึง ลอกเป็นขุย หรือเกิดการระคายเคืองได้แม้จะสัมผัสสิ่งที่เคยไม่แพ้ เช่น น้ำประปา ลม ฝุ่น หรือครีมบำรุงทั่วไป ผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดฝ้า กระ และรอยแดง รวมถึงอาจตอบสนองต่อสารเคมีอย่างรุนแรง เช่น น้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ในเครื่องสำอาง ส่งผลให้ผิวหน้าอ่อนแอและเกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาได้ง่ายขึ้น

2. กระตุ้นการเกิดสิวเพิ่มขึ้น

การขัดผิวขณะที่ยังมีสิวอุดตันหรือสิวอักเสบอยู่ อาจกระตุ้นให้ปัญหาสิวแย่ลงไปอีก เพราะการเสียดสีจากการขัดผิวจะทำให้สิวแตกหรือบาดเจ็บ ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ภายในสิวกระจายไปยังบริเวณผิวรอบๆ และก่อให้เกิดการอักเสบหรือสิวใหม่ตามมาได้ นอกจากนี้การขัดผิวบ่อย ๆ ยังอาจทำให้รูขุมขนเปิดกว้างขึ้น โดยเฉพาะถ้าคุณขัดแรงหรือใช้สครับที่มีเม็ดหยาบ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้สิ่งสกปรก น้ำมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วกลับเข้าไปอุดตันในรูขุมขนอีกครั้ง เกิดเป็นสิวซ้ำซากที่รักษายากขึ้น ในบางกรณีอาจทำให้สิวลุกลามเป็นบริเวณกว้าง จนกลายเป็นสิวอักเสบเรื้อรังหรือทิ้งรอยแผลเป็นตามมา

3. ผิวไม่เรียบสม่ำเสมอ

การขัดผิวที่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้ผิวบางบริเวณถูกขัดมากเกินจนบางลง ในขณะที่บางส่วนอาจแทบไม่ได้รับการผลัดเซลล์เลย ส่งผลให้ผิวหน้ามีความหนาหรือบางไม่เท่ากัน ผิวจึงดูไม่เรียบเนียน เมื่อสัมผัสหรือแต่งหน้าอาจรู้สึกได้ถึงความไม่สม่ำเสมอของพื้นผิว บางรายอาจประสบปัญหาผิวลอกเป็นขุยเฉพาะบางจุด หรือรองพื้นไม่เกาะผิว เกลี่ยไม่เรียบ บางรายอาจทำให้สีผิวดูไม่สม่ำเสมอ ยิ่งถ้าเกิดจุดระคายเคืองหรือรอยแดงเฉพาะจุดจากการขัดแรงเกินไป ก็ยิ่งส่งผลให้ผิวหน้าโดยรวมดูไม่สดใสและแต่งหน้าติดยากขึ้นกว่าเดิม

4. เสี่ยงต่อการเกิดแผลหรือรอยถลอกถาวร

การขัดผิวเป็นประจำอาจสร้างความเสียหายเล็กๆ บนผิวหนังในระดับที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งความเสียหายเหล่านี้อาจกลายเป็นแผลถลอกเล็กๆ บนผิวหน้าได้ โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบางหรือบอบบางเป็นพิเศษ เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หรือข้างจมูก โดยทั่วไปแล้วหากผิวถลอก ผิวจะพยายามซ่อมแซมด้วยกระบวนการอักเสบ ส่งผลให้เกิดจุดด่างดำตามมา หรือในกรณีที่แผลลึกมาก อาจพัฒนากลายเป็นหลุมสิวใหม่ในระยะยาว นอกจากนี้ หากขัดผิวบ่อยเกินไปโดยไม่ให้เวลาผิวฟื้นตัว ผิวจะไม่มีโอกาสซ่อมแซมตัวเองได้เต็มที่ ทำให้แผลเล็กๆ เหล่านี้สะสมและทิ้งรอยถาวรไว้บนใบหน้าในที่สุด

ฉีดโฟมยกผิว ดีกว่าขัดผิวซ้ำๆ อย่างไร

การฉีดโฟม CO₂ ยกผิว ด้วยเทคนิค JUVGEN จาก Gentle Clinic มีประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวได้ดีกว่าการขัดผิวซ้ำๆ เนื่องจากโฟม CO₂ ประกอบไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ที่มีอนุภาคเล็กเข้าไปในหลุมสิวที่ยุบอยู่ในชั้นหนังแท้ (Depressed Scars) เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเข้าใจว่าเกิดภาวะขาดออกซิเจนในจุดที่เกิดหลุมสิว ส่งผลให้ร่างกายส่งเลือดและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณนั้นมากขึ้น พร้อมทั้งเร่งกระบวนการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนใหม่จากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ ในขณะเดียวกันกรดไฮยาลูโรนิกในโฟมจะทำหน้าที่เป็นฐานพยุงโครงสร้างเนื้อเยื่อ ช่วยให้ผิวฟูเต็มและเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่การขัดผิวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวด้านบนได้ก็ตาม แต่เป็นการขัดเพียงผิวเผินเท่านั้น ไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระดับลึกได้ และหากทำบ่อยเกินไปก็อาจทำลายชั้นปกป้องผิวจนผิวบางลง ไวต่อการอักเสบ เกิดสิวซ้ำ และหลุมสิวลึกยิ่งกว่าเดิม ฉะนั้นการฉีดโฟม CO₂ จึงเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์แม่นยำ เห็นผลถาวร และปลอดภัยกว่าการขัดผิวซ้ำๆ เป็นอย่างมาก และที่สำคัญคนไข้ไม่ต้องกลับมาฉีดซ้ำเหมือนการขัดผิวอีกด้วย

โฟมยกผิว CO2 ใน ScarSurgery ดีอย่างไร

โฟมยกผิว CO₂ ในโปรแกรม ScarSurgery มีจุดเด่นอยู่ที่การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ได้อย่างล้ำลึกและแม่นยำ โดยโฟม CO₂ จะถูกฉีดลงไปในผิวชั้นลึกตรงจุดที่มีปัญหา เช่น หลุมสิวหรือผิวที่ยุบตัว โฟมนี้จะทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนชั่วคราวในระดับเซลล์ ซึ่งเป็นสัญญาณให้ร่างกายรีบส่งออกซิเจนและสารอาหารมาซ่อมแซมผิวแบบเร่งด่วน พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแท้จากภายในอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันโฟมยังมีลักษณะคงตัวและฟู ทำหน้าที่เสมือน “ฐานรองผิว” ที่ช่วยยกและเติมเต็มผิวจากด้านในทันทีหลังฉีด จึงได้ผลทั้งระยะสั้น (ยกผิวทันที) และระยะยาว (สร้างผิวใหม่ถาวร) โดยไม่ต้องพึ่งสารเติมเต็มที่สลายไปตามเวลา ถือเป็นนวัตกรรมที่ให้ผลลัพธ์ทั้งด้านความงามและการฟื้นฟูผิวแบบถาวรในคราวเดียวกัน

รักษาหลุมสิว ทำไมต้องโปรแกรม ScarSurgery จาก Gentle Clinic

โปรแกรม ScarSurgery หรือ ศัลยกรรมเสริมเนื้อใต้หลุมสิวถาวรด้วยเทคโนโลยี JuvGenesis จาก Gentle Clinic ที่ถูกคิดค้นด้วย ดร.จิน หรือนายแพทย์ จินเซฮุน (Dr. Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลี ผ่านการฉีดโฟม CO₂ ที่มีส่วนประกอบของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) อนุภาคเล็กเข้าไปยังชั้นหนังแท้ใต้แผลเป็น หลุมสิว หรือริ้วรอยร่องลึก โดยแพทย์จะฉีดสารเข้าไปทีละนิด ๆ เพื่อฉีกเซลล์ทิ้งและกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากเพื่อปิดหลุมสิวในทันที แต่หลังจากการรักษาประมาณ 30-60 วัน ตัวสารที่ฉีดเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากบริเวณหลุมสิว ส่งผลให้มีการเติมเต็มเนื้อเยื่ออย่างถาวร คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องกลับมารักษาซ้ำเป็นรอบที่สอง

นอกจากนี้ตัวเครื่องจูวีเจนถูกออกแบบสำหรับรักษาปัญหาผิวหน้าโดยเฉพาะ คนไข้จึงไม่ต้องฉีดยาชาบรรเทาอาการเพราะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งระหว่างและหลังการรักษาแล้ว และที่สำคัญยังไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: บริการฉีดสร้างเนื้อหลุมสิวถาวร JuvGenesis จาก Gentle Clinic

บทความที่น่าสนใจ

ทำไมต้อง Gentle Clinic

Gentle Clinic เราเป็นเจ้าแรกในไทยที่ใช้เทคนิคการรักษาหลุมสิว JuvGenesis จาก Dr.จิน (Jin Se-hun) ผ่านโปรแกรม ScarSurgery ที่กล้าการันตีผลลัพธ์หลังการรักษา ทำครั้งเดียวจบ ไม่ต้องมาทำซ้ำ และที่สำคัญตัวเครื่องมือถูกออกแบบมาสำหรับรักษาปัญหาหลุมสิวโดยเฉพาะ จึงรักษาปัญหาได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ปลอดภัยต่อทุกสีผิว (ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงเหมือนเลเซอร์) ระหว่างทำไม่จำเป็นต้องแปะยาชาเพราะไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาเหมือนวิธีอื่นๆ อีกด้วย

นอกจากเทคนิคการรักษาและเครื่องมือคุณภาพสูงแล้ว เรายังมีทีมแพทย์ของมากประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGenesis

รีวิวการรักษา

หลุมสิว

หลุมสิว

หลุมสิว

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ