ใครหลายคนอาจกำลังประสบปัญหาเปิดหนังหุ้มปลายแล้วเจ็บ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุกระทบกระเทือนน้องชายสักครั้ง หรือไม่ได้มีกิจกรรมทางเพศแบบโลดโผนจนน้องชายบาดเจ็บก็ตาม นอกจากจะเจ็บน้องชายแล้วยังส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยมารบกวนจิตใจ ส่งผลต่อความมั่นใจที่ลดลงเวลาอยู่ใกล้คนอื่นอีกด้วย ว่าแต่ภาวะดังกล่าวเกิดจากอะไร มีวิธีดูแลรักษาอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันครับ
ทำไมเปิดหนังหุ้มปลายแล้วเจ็บ
ต้องเข้าใจก่อนว่าหนังหุ้มปลายของน้องชายจะเริ่มเปิดเมื่ออายุ 1 – 2 ขวบขึ้นไป และสามารถรูดออกได้เมื่ออายุ 3 ขวบขึ้นไป (90% ของเด็กผู้ชายทั้งหมด) ส่วนอีก 1% ที่ไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายออกได้เมื่อมีอายุ 7 ปี และเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นประมาณอายุ 17 ปี จะสามารถรูดหนังหุ้มปลายออกได้จนสุดมากถึง 99% ของเด็กผู้ชายทั้งหมด หากอายุ 17 ปีขึ้นไปแล้วไม่สามารถเปิดหนังหุ้มปลายออกมาได้จนสุดหรือพยายามรูดแล้วรู้สึกเจ็บปวดน้องชาย อาจเกิดจากภาวะหนังหุ้มปลายตีบ หากปล่อยไว้นานอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพน้องชายในระยะยาวจนอาจถึงขั้นต้องสูญเสียน้องชายไปในที่สุด
สาเหตุที่ทำให้หนังหุ้มปลายตีบ
1. หนังหุ้มปลายตีบตั้งแต่กำเนิดโดยไม่ทราบสาเหตุ
เป็นภาวะที่เด็กมีหนังหุ้มปลายองคชาตตีบกว่าเด็กทั่วไปที่ตรวจพบเมื่อเด็กมีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป จนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น สังเกตได้จากหนังหุ้มปลายโป่งพองคล้ายลูกโป่ง เด็กจะต้องพยายามเบ่งปัสสาวะ เด็กจะรู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ ปัสสาวะไม่พุ่ง มีหนองไหลออกมา นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เบื่ออาหาร มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ฯลฯ
2. ทำความสะอาดน้องชายไม่ดีเท่าที่ควร
หลายคนทำความสะอาดน้องชายผิดวิธี ไม่ว่าจะเป็นการล้างน้องชายแค่ภายนอก ทั้ง ๆ ที่รูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาดหัวองคชาตได้ก็ตาม, การรูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาดอย่างรุนแรง, ไม่ยอมซับอวัยวะเพศให้แห้งหลังอาบน้ำและหลังปัสสาวะ, ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่เหมาะกับน้องชาย เป็นต้น
3. มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง
หนังหุ้มปลายตีบจากอาการเจ็บป่วยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โรคที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังที่ทำให้หนังหุ้มปลายตีบ เช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema), โรคไลเคน พลานัส (Lichen planus), โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) ฯลฯ นอกจากนี้ยังเกิดจากผลแทรกซ้อนของปัญหาสุขภาพได้อีกกด้วย เช่น โรคเบาหวาน (Diabetes) ที่ทำให้น้ำปัสสาวะมีน้ำตาลมากกว่าคนปกติ ส่งผลให้เชื้อยีสต์แคนดิดา (Candida) จากหนังหุ้มปลายทำปฏิกิริยากับน้ำตาลในน้ำปัสสาวะและก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อหนังหุ้มปลาย จนหนังหุ้มปลายตีบและอักเสบตามมา
4. มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
เมื่อคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย, มีคู่นอนมีเพศสัมพันธ์มากกว่า 1 คน หรือมีเพศสัมพันธ์อย่างรุนแรงจนเกิดแผลบริเวณน้องชาย อาจเสี่ยงต่อภาวะหนังหุ้มปลายตีบจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ง่ายขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนของการเปิดหนังหุ้มปลายแล้วเจ็บ
นอกจากอาการเจ็บน้องชายทุกครั้งที่พยายามรูดหนังหุ้มปลายออกแล้ว ยังมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- น้องชายบวมอย่างเห็นได้ชัด
- มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากน้องชาย
- ปัสสาวะแสบขัด
- รู้สึกเจ็บขณะมีกิจกรรรมทางเพศ
- เกิดแผลเรื้อรังบริเวณน้องชาย
- มีเนื้อตายบริเวณน้องชาย
- เสี่ยงต่อการสูญเสียน้องชายถาวรจากมะเร็งองคชาต
เปิดหนังหุ้มปลายแล้วเจ็บ แก้ได้อย่างไรบ้าง
1. พยายามรูดหนังหุ้มปลายอย่างถูกวิธี
ใช้วาสลีน (Vaseline) หรือเบบี้ออยล์ทาไปยังหนังหุ้มปลาย แล้วลองใช้มือดึงหนังหุ้มปลายลงช้า ๆ ทุกวันขณะอาบน้ำ ไม่ควรรูดหนังลงมาแรง ๆ เพราะอาจทำให้หนังหุ้มปลายฉีกขาดและเกิดบาดแผลง่าย กรณีที่รูดแล้วไม่ดีขึ้น เบื้องต้นแพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาทา Triamcinolone (ไตรแอมซิโนโลน) และยาทา Betamethasone (เบต้าเมทาโซน) วันละ 2 – 3 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์
2. ขลิบหนังหุ้มปลาย
กรณีที่ยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะให้คนไข้ขลิบหนังหุ้มปลายเพื่อเอาหนังหุ้มปลายออก สำหรับวิธีการขลิบมีทั้งหมด 3 แบบ แต่แบบที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือการขลิบไร้เลือด โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือขลิบไร้เลือดอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) เพื่อผ่าและเย็บแผลด้วยกลัดอลูมิเนียมในเวลาเดียวกัน จึงใช้ระยะเวลารักษาเพียง 15 นาทีเท่านั้น นอกจากจะผ่าเอาหนังหุ้มปลายออกได้อย่างเรียบเนียนและแม่นยำตามแผนการรักษาของแพทย์ 100% แล้ว ยังช่วยให้เนื้อเยื่อบอบช้ำน้อย แผลจึงหายไวกว่าการขลิบแบบดั้งเดิมอีกด้วยครับ
ป้องกันภาวะเปิดหนังหุ้มปลายแล้วเจ็บได้ด้วย…
- ทำความสะอาดน้องชายอย่างถูกวิธี ไม่ถูน้องชายหรือฉีดน้ำล้างน้องชายแรงเกินไป รูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาดเป็นประจำ
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง และมีคู่นอนเพียง 1 คน
- หากเกิดอาการเจ็บปวดน้องชายโดยไม่ทราบสาเหตุ ให้รีบพบแพทย์ทันที
- ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7 – 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ
บทความที่น่าสนใจ
- คันน้องชายบ่อย ๆ อันตรายมั้ย ดูแลอย่างไรให้ถูกวิธี
- หลั่งไวเกิดจากอะไร มีวิธีชะลอการหลั่งได้อย่างไรบ้าง
- อย่าเพิ่งขลิบ!! หากยังไม่ได้ดูรีวิวแผลขลิบจากคลินิกชั้นนำ
ขลิบไร้เลือด ที่ไหนดี
และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Gentle Clinic ยืนหนึ่งในด้านสุขภาพทางเพศคุณผู้ชายและการขลิบ สามารถขลิบได้ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะเรามีโปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า จึงช่วยลดการอักเสบของแผล ไร้ปวดได้ในทันที และไร้อาการบวมอักเสบในวันต่อมา อีกทั้งช่วยเร่งสมานแผล ให้แผลแห้งไวภายใน 3 วัน ลดการติดเชื้อได้มากกว่า 90% จึงไม่ต้องพักฟื้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องทำแผลเองที่บ้าน
โปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ใช้ในโรงพยาบาลต่างประเทศ เพื่อช่วยเร่งสมานแผลเรื้อรัง แผลเบาหวาน หรือแม้แต่แผลในการผ่าตัดศัลยกรรมความงามที่เรานำมาใช้ ที่ GentleClinic เราดูแลให้ครบทั้งก่อนและหลังขลิบ ไม่เจ็บตอนทำ ไม่ปวดหลังทำ แล้วก็ไม่ต้องพักฟื้นครับ
สำหรับใครที่กำลังมองหา คลินิกขลิบปลายผู้ใหญ่ มากประสบการณ์ การันตีด้วยจำนวนเคสสำเร็จและรีวิวความประทับใจจากลูกค้าจำนวนมาก เรา Gentle Clinic คือคำตอบ เพราะเราเป็นคลินิกเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทยที่นำเอาเครื่องขลิบแบบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ที่มีความแม่นยำสูงมาใช้ในการรักษา ทำให้ใช้เวลาขลิบและเย็บแผลเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บหลังการรักษาได้มากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์สูง สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถรับแก้เคสขลิบแผลไม่สวยงามจากการขลิบที่อื่น คลินิกของเราพร้อมให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 15 สาขา มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://bit.ly/Gentle4Men
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand