juvgen

JUVGEN ดียังไง ทำไมถึงเติมเต็มหลุมสิวลึกถาวร ภายในครั้งเดียว

Facebook
Twitter

นอกจากจะทำให้ใครหลายคนสูญเสียความมั่นใจเมื่อต้องออกไปพบเจอพูดคุยกับคนอื่นแล้ว หลุมสิวยังเป็นปัญหาผิวหน้าที่ใช้เวลารักษาที่นานพอสมควร แถมวิธีการรักษาแบบเก่าก็ยังไม่สามารถรักษาให้หลุมสิวหายไปได้ 100% แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคนิคทางการแพทย์ให้สามารถรักษาหลุมสิวได้อย่างถาวรในการรักษาเพียงครั้งเดียวนั่นก็คือเทคนิค JUVGEN หรือ JuvGenesis จาก Gentle Clinic ว่าแต่เทคนิคนี้ดีอย่างไร แตกต่างจากการรักษาหลุมสิวทั่วไปอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังครับ

ทำไมการรักษาหลุมสิวแบบเดิมถึงรักษาหลุมสิวไม่ได้ 100%

เมื่อเกิดสิวอักเสบขึ้นตัวสิวจะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อและคอลลาเจนบริเวณโดยรอบจนหายไปบางส่วน หรือแม้แต่การรักษาสิวด้วยการบีบสิวออกเองก็อาจทำให้เนื้อเยื่อโดยรอบอักเสบและถูกทำลายไปด้วย ต่อให้สิวอักเสบหายไปแล้วแต่หากบริเวณที่เป็นสิวอักเสบถูกทำลายเป็นวงกว้างและลึกมากไปจนถึงผิวชั้นใน ก็อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูเนื้อเยื่อในส่วนนี้ได้และเกิดพังผืดดึงรั้งผิวหรือที่เราเรียกกันว่าหลุมสิวนั่นเอง ดังนั้นการรักษาหลุมสิวจึงต้องรักษาให้ลึกไปถึงผิวชั้นในที่เป็นแหล่งเกิดหลุมสิว

โดยทั่วไปแล้วการรักษาหลุมสิวในอดีตมักจะเน้นไปที่การเติมพื้นที่ที่หายไปจากหลุมสิวขึ้นมา แต่วิธีรักษาเหล่านั้นก็สามารถเติมหลุมสิวได้แค่ชั่วคราว ไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้ 100% เนื่องจากชั้นผิวของใบหน้าคนเราแบ่งออกได้เป็น 6-8 ชั้น แต่ชั้นผิวที่เราสามารถดึงหรือปรับแต่งได้มีเพียงแค่ 2 ชั้นเท่านั้น ซึ่งวิธีรักษาหลาย ๆ วิธีก้ไม่ได้รักษาลึกถึงผิวชั้นใน แถมยังก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยการลอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peels) ที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวส่วนบนออกไปแต่ก็อาจเกิดอาการแสบคัน ระคายเคืองผิว และเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำและรอยด่างจากการกัดกร่อนของกรด, การใช้ยาในกลุ่ม Retinoids ทาเพื่อลดหลุมสิวที่นอกจากจะใช้เวลานานแล้วยังไม่สามารถรักษาลึกไปถึงชั้นผิวในที่เป็นสาเหตุของปัญหาหลุมสิวได้อีกด้วย การฉีดฟิลเลอร์หรือกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ที่เติมหลุมสิวได้ในระยะเวลาไม่ถึงปีก็ต้องกลับมาฉีดซ้ำ หรือแม้แต่การเลเซอร์หลุมสิว (Laser) เองก็อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวหนังแดง แถมยังเสี่ยงต่อรอยดำได้ง่ายหากคนไข้เเป็นผู้ที่มีผิวสีเข้มอีกด้วย

JUVGEN คืออะไร

จูวีเจนเป็นเทคนิคการรักษาที่คิดค้นโดย ดร.จิน หรือนายแพทย์ จินเซฮุน (Dr. Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากประเทศเกาหลี ผู้คิดค้นเทคนิคการรักษาปัญหาผิวหน้าโดยเน้นไปที่การฟื้นฟูผิวหนังด้วยตัวเอง ผ่านการฉีด Co2 foam ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) อนุภาคเล็กเข้าไปยังชั้นหนังแท้ใต้แผลเป็น หลุมสิว หรือริ้วรอยร่องลึก โดยแพทย์จะฉีดสารเข้าไปทีละนิด ๆ เพื่อฉีกเซลล์ทิ้งและกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมาก หลังการรักษาประมาณ 3-5 วัน จะพบว่าเนื้อเยื่อคอลลาเจนที่ถูกสร้างใหม่ใต้ผิวหนังจะถูกดันขึ้นมาเพื่อปิดหลุมสิว ซึ่งจะช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนอีกครั้งอย่างถาวรภายในการรักษาเพียงครั้งเดียว

JUVGEN ทำงานอย่างไร

Co2 foam ที่ถูกฉีดเข้าไปมีส่วนประกอบของ chemical(co2)/ biological (ha)/ physical (subcision) stimulation โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และไฮยาลูรอนิกอนุภาคเล็กจะเข้าไปยังชั้นหนังแท้ใต้หลุมสิวซึ่งเป็นแผลเป็นที่ยุบตัวเพื่อเติมหลุมสิวให้เต็มทันที จากนั้นจึงค่อย ๆ กระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่บริเวณหลุมสิว หลังจากการรักษาผ่านไปประมาณ 3-5 วัน เนื้อเยื่อและคอลลาเจนที่ถูกสร้างใหม่ใต้ผิวหนังจะขึ้นมาดันหลุมสิวขึ้น ทำให้ผิวหน้าที่มีหลุมสิวกลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง

ขั้นตอนการทำ JUVGEN มีอะไรบ้าง

สำหรับขั้นตอนการรักษาด้วยเทคนิค JUVGEN ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่แพทย์จะทำการฉีด Co2 foam ลงไปยังหลุมสิวของคนไข้ทีละจุด จนกว่าจะครบทั้งหมด ในระหว่างนี้คนไข้ไม่จำเป็นต้องฉีดยาชาแม้แต่น้อย เนื่องจากเครื่องมือที่ใช้เป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาสำหรับรักษาปัญหาผิวหนังลึกถึงผิวชั้นใน จึงไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดเลย โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณหลุมสิวของคนไข้ครับ

JUVGEN แตกต่างจากการรักษาหลุมสิวทั่วไปอย่างไร

ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าเทคนิคการรักษาหลุมสิวในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ (Dermal filler) การเลเซอร์หลุมสิว (Pico Laser) การกรอผิว (Dermabrasion) การเซาะพังผืด (Subcision) และการรับประทานยาและวิตามิน

ในที่นี้เราจะขอพูดถึงผลลัพธ์หลังการรักษาของจูวีเจนกับการรักษาด้วยวิธีอื่นก่อนนะครับ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ลงไปในพื้นที่ที่หายไปจากหลุมสิว แม้จะเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่มีข้อจำกัดตรงที่ฟิลเลอร์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลของคนไข้) หลังจากนั้นฟิลเลอร์ก็จะค่อย ๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ ดังนั้นคนไข้จำเป็นจะต้องกลับมาฉีดฟิลเลอร์ซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์เอาไว้เรื่อย ๆ ส่วนการเลเซอร์หลุมสิวเป็นการใช้เครื่องเลเซอร์ Pico Laser ยิงคลื่นแสงเข้ายังบริเวณที่มีหลุมสิวเพื่อลอกผิวหนังที่เป็นพังผืดออกและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ใต้ผิวหนัง ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว Rolling scar และ Box scar เท่านั้น และที่สำคัญคนไข้จะต้องเข้ารับการรักษาทุกสัปดาห์ ติดต่อกันประมาณ 1-3 เดือนเป็นอย่างน้อย แตกต่างจากจูวีเจนที่ทำเพียงครั้งเดียวแล้วเห็นผลทันที ไม่ต้องกลับมาทำซ้ำ

ส่วนการกรอผิว (Dermabrasion) นั้นนอกจากจะเหมาะกับหลุมสิวที่กว้างแต่ตื้นแล้ว ยังก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณผิวง่ายขึ้น แถมต้องเข้ารับการรักษาหลาย ๆ รอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และการเซาะพังผืด (Subcision) นั้นก็ไม่สามารถแก้ปัญหาหลุมสิวได้ทุกชนิด แก้ได้เฉพาะหลุมสิวกว้างหรือหลุมสิวกินพื้นที่ขนาดใหญ่เท่านั้น อีกทั้งมีความเสี่ยงต่อแผลติดเชื้อได้ง่ายหากคนไข้ดูแลแผลไม่ดีพอ หรือในกรณีที่คนไข้ทานยาและวิตามินเพื่อรักษาหลุมสิวนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะยาและวิตามินที่ต้องทานจะอยู่ในกลุ่ม B5 หรือ Zinc ที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาอย่างอาการผิวแห้งที่จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้ามากขึ้น ซึ่งความมันที่มากเกินไปก็อาจอุดตันที่รูขุนขนจนกลายเป็นสิวตามมาได้อีกด้วย

JUVGEN ให้ผลการรักษาถาวรหรือไม่

ถาวรครับ เนื่องจากเนื้อเยื่อใหม่ที่เกิดจาก JUVGEN นั้นเป็นเนื้อเยื่อคอลลาเจนที่ร่างกายของคุณสร้างขึ้นมาเอง ไม่ใช่สารแปลกปลอมอื่นที่เข้าสู่ร่างกายแต่อย่างใด จึงคงอยู่ได้เหมือนผิวหนังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

ฉีด JUVGEN เจ็บไหม

ไม่เจ็บครับ เนื่องจากเครื่องมือที่เราใช้ถูกออกแบบมาสำหรับฉีด Co2Foam ลงไปในชั้นหนังแท้ใต้หลุมสิวโดยเฉพาะ ส่วนอาการบวมเข็มช้ำเข็มก็มีน้อยมาก หลังรักษาเพียง 1 เดือน อาการบวมและรอยแดงจากเข็มก็จะหายไปเองครับ

JUVGEN ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

คนไข้จะเห็นผลทันทีหลังการรักษาเพียงครั้งเดียว และไม่จำเป็นต้องกลับมารักษาซ้ำเนื่องจากเทคนิคนี้สามารถรักษาหลุมสิวให้หายไปได้อย่างถาวร

JUVGEN ปลอดภัยไหม

ปลอดภัยแน่นอนครับ นอกจากจะไม่เจ็บขณะทำการรักษาแล้ว เทคนิคนี้ยังได้รับการวิจัยและการยอมรับในระดับโลก มีการจดและยื่นจดสิทธิบัตรมาแล้วกว่า 40 ฉบับ ทั้งเกาหลี สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อผู้เข้ารับการรักษาอย่างแน่นอนครับ

JUVGEN รักษาปัญหาผิวหน้าแบบอื่นได้ไหม

ได้ครับ เนื่องจากตัวเครื่องมือถูกออกแบบมาสำหรับรักษาปัญหาผิวหนังลึกถึงผิวชั้นใน ดังนั้น JUVGEN จึงใช้รักษาปัญหาผิวหน้าอื่นได้อย่างเช่น การรักษาร่องน้ำหมาก ซึ่งถือว่าเป็นการรักษาที่ยากมาก ๆ เนื่องจากการดึงหน้าหรือการรักษาแบบอื่นจะดึงผิวได้เพียง 2 ชั้น ดังนั้นการทำ Botox filler และการผ่าตัดก็ไม่สามารถรักษาได้ 100% แต่จูวีเจนทำได้ครับ เพราะการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์ลงไปในชั้นหนังแท้เพื่อฉีกเซลล์ทิ้งและกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมาก ช่วยให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังการรักษา

ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic

GentleClinic เราเป็นทีมแรกในไทยที่ใช้เครื่อง JuvGen รักษาหลุมสิวและร่องลึก โดยได้รับการเทรนโดยตรงจาก Dr.จิน (Jin Se-hun) เราพร้อมด้วยประสบการณ์และเทคนิคในการยิงหลุมที่ลึกและยากกว่าหลุมทั่วไป เช่น box scar ที่มีขอบแข็ง หลุมแผลเป็นลึกจากอีสุกอีใส ร่องพับลึกบนหน้าฝาก เป็นต้น เราจึงกล้าการันตีผลการรักษา จ่ายครั้งเดียวจบ เติมหลุมสิวจนเต็มโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGen

บทความที่น่าสนใจ

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ