ผมร่วงโดยทั่วไปแล้วมีสาเหตุสำคัญมาจากรากผมไม่แข็งแรง หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองมีปัจจัยเสี่ยงที่มีผลทำให้รากผมอ่อนแอโดยไม่รู้ตัว ว่าแต่มีปัจจัยอะไรบ้าง แล้วเราควรจะป้องกันอย่างไรให้ถูกวิธี ไม่ต้องเสียเวลามานั่งรักษาปัญหาผมร่วงในภายหลัง มาอ่านไปพร้อมกันเลยครับ
รากผมไม่แข็งแรง เพราะ 5 ปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้
1. กรรมพันธุ์
เป็นสาเหตุที่เราพบบ่อยมากในคนไข้หลายราย ทั้งนี้เราขอแบ่งเป็นผมร่วงจากกรรมพันธุ์ของผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งภาวะดังกล่าวเกิดจากยีนคนละตัวกันนะครับ โดยผู้ชายจะมีฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีผลต่อรากผมโดยตรง โดยฮอร์โมน DHT เป็นฮอร์โมนที่สร้างขึ้นจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ในเพศชายเท่านั้น เมื่อฮอร์โมน DHT ออกฤทธิ์เมื่อไหร่ ก็จะทำให้รากผมอ่อนแอง่ายยิ่งขึ้น ส่วนกรรมพันธุ์ผมร่วงในเพศหญิงนั้นจะเกิดขึ้นเมื่ออายุ 15 ปี (ในบางราย) แต่จะเห็นชัดสุดเมื่อมีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเริ่มจากผมบางกลางศีรษะแล้วจึงขยายออกไปเป็นวงกว้างจนกลายเป็นศีรษะล้านตามมา
2. ความเครียด
เมื่อเราเริ่มเครียด ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะเริ่มทำงานผิดปกติไปจากเดิม และก่อให้เกิดภาวะผมร่วง 3 ประเภท ได้แก่
- Alopecia Areata เป็นภาวะผมร่วงจากความเครียดที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติและเกิดผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หากปล่อยไว้นานอาจศีรษะล้านได้เลย
- Telogen effluvium เป็นภาวะผมร่วงแบบฉับพลันอันเนื่องมาจากระยะพักของเส้นผมที่ไวกว่าปกติ ส่งผลให้ผมร่วงไว ร่วงง่ายกว่าที่เคย
- Trichotillomania เป็นภาวะผมร่วงที่เกิดจากพฤติกรรมบางอย่างที่เราแสดงออกมาเมื่อรู้สึกเครียด เช่น เกาะหนังศีรษะแรง ๆ ดึงผมตัวเอง เป็นต้น
3. ขาดสารอาหารบำรุงผม
สำหรับสารอาหารที่ช่วยในการบำรุงผม ได้แก่ ไบโอติน (Biotin) หรือวิตามิน B7 ที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์และเส้นผมให้แข็งแรง มีสุขภาพดี ป้องกันผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย, สังกะสี (Zinc) ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมลดการผลิตฮอร์โมน DHT ไม่ให้มากจนเกินไป ป้องกันผมร่วงจากฮอร์โมนเพศชาย, วิตามิน B (Vitamin B) อย่าง B3, B5, B6 ช่วยบำรุงผมให้แข็งแรง ช่วยให้เลือดไหลเวียนบริเวณรูขุมขน อีกทั้งป้องกันผมร่วงง่าย ผมงอกไวได้มากยิ่งขึ้น, วิตามิน C (Vitamin C) ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้เคอราตินในเส้นผม ผมนุ่มและเรียบมากยิ่งขึ้น, ซิลิกา (Silica) ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเส้นผมและเล็บ ช่วยให้เส้นผมยืดหยุ่น ไม่แตกปลายหรือขาดหลุดร่วงง่าย, ธาตุเหล็ก (Iron) ช่วยผมร่วงจากการขาดธาตุเหล็ก เป็นต้น
4. โรคภัยไข้เจ็บ
ได้แก่ โรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) โรคเชื้อราบนหนังศีรษะ (Tinea Capitis) ภาวะโลหิตจาง (Anemia) โรคภูมิแพ้รากผม โรคเกี่ยวกับไทรอยด์ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงโรคที่ทำให้เส้นผมหยุดการเจริญเติบโตและร่วงหลุดจากหนังศีรษะอย่างโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ได้อีกด้วย
5. ผลข้างเคียงจากการรักษา
แม้ว่าธรรมชาติของยานั้นจะใช้รักษาโรคได้ แต่ยาบางชนิดก็มีผลข้างเคียงต่อตัวคนไข้เองด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างยาเคมีบำบัด (คีโม) ยาต้านมะเร็ง ยาต้านซึมเศร้า ยาลดการแข็งตัวของเลือด หรือแม้แต่วิธีการรักษาโรคบางประเภท เช่น การผ่าตัดที่อาจทำให้คนไข้รู้สึกเครียด ตกใจ หรือได้รับผลข้างเคียงจากยาสลบ ซึ่งภาวะดังกล่าวเราเรียกว่า Shock Loss โดยภาวะนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 3 – 4 เดือน
แล้วควรทำยังไงให้รากผมแข็งแรง
1. สระผมให้ถูกวิธี
เริ่มจากการหวีผมทุกครั้งก่อนสระเพื่อป้องกันผมพันกันจนสระยาก จากนั้นใช้น้ำสะอาดน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป ในการชะล้างสิ่งสกปรกออกจากหนังศีรษะให้หมด ก่อนชะโลมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยนให้ทั่วหนังศีรษะและเส้นผม แล้วค่อยใช้ปลายนิ้วทั้ง 2 ข้าง นวดคลึงหนังศีรษะเบา ๆ ไม่ต้องออกแรงเกามากเพราะอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองและอักเสบตามมาได้ โดยเริ่มนวดหนังศีรษะจากกลางศีรษะแล้วไล่วนเป็นวงกลมออกด้านข้าง และไล่ไปที่ใบหูทั้ง 2 ข้าง ก่อนจะไล่ลงมายังท้ายทอย การนวดหนังศีรษะที่ดีควรทำประมาณ 5 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมบนหนังศีรษะ อีกทั้งช่วยผ่อนคลายหนังศีรษะและไหล่ได้เป็นอย่างดี เมื่อนวดหนังศีรษะเสร็จแล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาดอีกที ก่อนที่จะเป่าลมเบา ๆ จนผมแห้ง แต่หากไม่มีเวลามากนัก แนะนำให้ใช้ผ้าขนหนูรองศีรษะก่อนเป่าไดร์เสมอ
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมที่เหมาะกับเส้นผมของคุณ
หากมีปัญหาผมแห้ง เราแนะนำให้เลือกใช้แชมพูสูตรช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม แต่หากมีปัญหาผมมัน เราแนะนำให้เลือกใช้แชมพูสูตรไม่มีน้ำมัน หรือหากย้อมสีหรือดัดผมบ่อยก็ควรเลือกแชมพูและครีมชมพูสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ ทั้งนี้หากคุณมีปัญหาหนังศีรษะแพ้ง่าย เราขอแนะนำให้เลือกแชมพูที่เป็นออร์แกนิก (Organic) ปราศจากซิลิโคนและสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ หากคุฯณไม่แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ตัวไหนสูตรไหนเหมาะกับเรามากที่สุด ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์มาใช้นะครับ
3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงบางอย่าง
รู้หรือไม่ว่าการพักผ่อนไม่เพียงพอ มีผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายเป็นอย่างยิ่ง ทางที่ดีควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน และเวลาที่ควรนอนมากที่สุดคือ 20.00 – 22.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายหลั่งสารเมลาโทนิน (Melatonin) เพื่อให้รู้สึกง่วงและรีบเข้านอนในที่สุด ทั้งนี้หากคุณมีเรื่องเครียดบ่อยครั้งจนทำให้หลับยาก แนะนำให้จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม ไม่ให้ตัวเองหมกมุ่นมากเกินไป หากรู้สึกเครียดเมื่อไหร่ให้รีบหางานอดิเรกทำ หรือโทรไปพูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ฟังจะช่วยได้มากเลยทีเดียว นอกจากนี้เราขอแนะนำให้เพิ่มพฤติกรรมบางอย่างเข้าไปด้วย เช่น ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้ว เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เซลล์รากผมและรูขุมขนมีน้ำไปหล่อเลี้ยงเพียงพอ เลือกรับประทานอาหารบำรุงผมอย่างไข่ เนื้อแดงไม่ติดมัน หอยนางรม ผักใบเขียว ผลไม้วิตามินสูง เมล็ดถั่วและธัญพืชชนิดต่าง ๆ ด้วยนะครับ
รากผมไม่แข็งแรง แก้ได้ไม่ยาก ด้วยเทคนิคการรักษาจาก Gentle Clinic
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาผมร่วงผมบาง ที่ Gentle Clinic เรามีโปรแกรมยอดนิยมที่คุ้มค่ากับการรักษาปัญหาผมบางของคุณอย่างนวัตกรรม Cell Therapy และ Regenesis Micrograft Hair ซึ่งแต่ละชนิดมีข้อดีและวิธีการรักษาที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้ครับ
1. Cell Theapy
เป็นเทคนิคการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยการสกัด Growth factor และ Stemcell ปริมาณเข้มข้นสูงจากเลือดของคนไข้ แล้วนำมาปั่นแยกเซลล์และคัดเอาเกล็ดเลือดเพื่อนำมาฉีดเข้าไปยังบริเวณที่มีผมร่วง รวมถึงใช้แสงสีแดงสำหรับกระตุ้นการขึ้นของรากผมร่วมด้วย ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้าง Growth Factor, ช่วยซ่อมแซมความเสื่อมระดับเซลล์ (Regenerative Medicine) อีกทั้งช่วยลดความว่องไวต่อฮอร์โมน DHT ส่งผลให้ต่อมไขมันบริเวณรากผมทำงานน้อยลง รากผมจึงกลับมาแบ่งตัวเพิ่มขึ้นเส้นผมงอกใหม่ มีขนาดใหญ่ขึ้น ผมดูหนาขึ้น
2. Regenesis Micrograft Hair
เป็นโปรแกรมเพิ่มผมหนาโดยเน้นรักษาอายุของเส้นผมของคนไข้ให้นานที่สุด โดยแพทย์จะคัดเลือกรากที่แข็งแรงสมบูรณ์มากที่สุดบริเวณหลังใบหูหรือท้ายทอย นำมาสกัดได้ปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดสูงถึง 4 ล้านเซลล์ และปั่นด้วยเครื่อง Reginera รุ่นล่าสุดจากจากยุโรป ที่ถือว่าล้ำหน้ากว่าการปลูกผมรุ่นเก่า เมื่อได้รากผมที่ผ่านการสกัดมาเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะฉีดกลับเข้าไปยังบริเวณศีรษะที่มีปัญหาเพื่อให้รากผมแตกตัวและเจริญเติบโตเป็นเส้นผมใหมจำนวนมาก ทําให้ผมหนาดกดํายิ่งขึ้นอย่างเห็นชัดหลังการรักษาไปแล้ว 45 – 90 วัน เนื่องจากวิธีการรักษาประเภทนี้จะใช้ Growth Factor ของคนไข้เองประมาณ 90% นอกจากจะปลอดภัยต่อตัวคนไข้เองแล้วยังมอบผลการรักษาที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
นอกจากนี้เรายังมีมีโปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ด้วยออกซิเจนเข้มข้น 100% ใต้บรรยากาศแรงดันสูงเสมือนอยู่ใต้น้ำลึก ควบคู่กับการเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน จาก 20 เป็น 100% ทำให้ออกซิเจนละลายในพลาสม่าได้มากขึ้นเป็น 10 เท่า ร่างกายจึงส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้มากขึ้น ช่วยให้เซลล์ทุกเซลล์ตื่นตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปฏิกิริยาการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย, ลดการอักเสบของข้อ เอ็น กล้ามเนื้อ จากการเล่นกีฬาและออฟฟิศซินโดรม, กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคจาก ROS (reactive oxygen spicies) ที่มากขึ้น, กระตุ้นสมองและระบบประสาท เพิ่มหน่วยความจำ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับง่าย คลายเครียด, ลดการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง และอื่น ๆ อีกมาก เพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุดจากเรา
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://page.line.me/gentleclinic
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand
บทความที่น่าสนใจ
- ผมบางกลับมาหนา ทำได้จริงมั้ย มีวิธีไหนช่วยได้บ้าง
- สระผมแล้วผมร่วง ปกติไหม ดูแลเส้นผมอย่างไรให้แข็งแรง
- ผมร่วงผิดปกติ สัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพที่คุณไม่ควรละเลย
ผลการรักษา (ลูกค้าผู้ใช้บริการจริง)
รีวิวจากผู้ใช้บริการ