ไม่ว่าใครก็อยากมีผิวหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยกันอยู่แล้วใช่ไหมครับ เพราะนอกจากจะช่วยให้ผิวหน้าดูสดใส เสริมออร่าความมั่นใจเวลาพบเจอผู้คนแล้ว ยังบ่งบอกถึงการมีสุขภาพดีอีกด้วย แต่หากใบหน้าของคุณหม่นหมอง ดูแก่กว่าวัยก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจละเลยการดูแลผิวหน้าหรืออาจกำลังดูแลอย่างผิดวิธีอยู่ ที่นอกจากจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยแล้วยังอาจเพิ่มโอกาสเกิดปัญหาสุขภาพผิวหน้าอื่นๆ ตามมาได้อีกด้วย แล้วเราควรจะดูแลผิวหน้าอย่างไรให้ผิวหน้าอ่อนกว่าวัย ไร้รอยสิว วันนี้เรามีวิธีที่ถูกต้องมาฝากกันครับ
ผิวหน้าอ่อนกว่าวัย ดียังไง
การดูแลผิวหน้าให้มีสุขภาพดี อ่อนกว่าวัย ก็เหมือนการดูแลอวัยวะส่วนอื่นของร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ นอกจากจะช่วยให้ผิวหน้าดูเด็กกว่าวัย ชะลอความเสื่อมของผิวหน้าให้ช้าลงแล้ว ยังช่วยลดปัญหาผิวหน้าที่อาจเกิดขึ้นจากมลภาวะนอกบ้านหรือปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ปัญหาสิว ผิวแห้งกร้าน ริ้วรอยก่อนวัย และอื่นๆ อีกมาก อีกทั้งช่วยเสริมออร่าความสวยความหล่อบนใบหน้าของคุณให้ดูกระจ่างใส เด็กกว่าอายุ มีโหวงเฮ้งที่ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการทำงานในวงการบันเทิงหรือต้องพบเจอผู้คนตลอดเวลา การมีใบหน้าที่สดใส ไร้สิว จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวคุณเองได้มากเลยทีเดียว
ดูแลผิวหน้าอย่างไรให้ผิวหน้าอ่อนกว่าวัย
1. ล้างหน้าให้สะอาด
การล้างน้ำเป็นเรื่องที่ทุกคนทำกันอยู่แล้วเพียงแต่การล้างหน้าที่น้อยเกินไป (น้อยกว่า 1 ครั้งต่อวัย) หรือล้างแบบผิดวิธีก็อาจทำให้ผิวหน้าโทรม ผิวมัน และเกิดปัญหาสิวต่างๆ ได้ง่าย ดังนั้นทุกคนจึงควรล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง หากเป็นคนผิวมันอยู่แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงโฟมหรือครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือหากเป็นคนผิวแพ้ง่ายก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม สารแต่งสี และสารกันเสีย เพื่อป้องกันการระคายเคืองและทำให้ผิวแพ้ง่ายกว่าเดิม ทั้งนี้อย่าลืมล้างหน้าอย่างถนอม ไม่ฉีดน้ำจากฝักบัวใส่หน้าเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ผิวหน้าที่บอบบางอยู่แล้วระคายเคืองหนักกว่าเดิมด้วยครับ
2. ดื่มน้ำสะอาดให้ตรงตามความต้องการของร่างกาย
แน่นอนว่าการดื่มน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน เพราะนอกจากจะช่วยลำเลียงสารอาหารต่างๆ เข้าสู่ร่างกายแล้วน้ำสะอาดยังช่วยเติมน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปจากการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้พลังงานเยอะ และอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายเรานั้นจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว การเติมน้ำเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รวมถึงผิวหน้าของเราด้วยนะครับ เพราะถ้าเราดื่มน้ำน้อยเกินไปก็จะทำให้ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้ง ดูหมองคล้ำ และมีผิวมีน้ำน้อยก็จะไม่เต่งตึงเหมือนเคย หากปล่อยไว้นานๆ ก็อาจเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย
และที่สำคัญน้ำสะอาดที่เราดื่มเข้าไปยังช่วยขับสารพิษที่ตกค้างในระบบของเหลวของร่างกายผ่านทางเหงื่อและปัสสาวะ แต่หากเราดื่มน้ำน้อยเกินไปก็อาจทำให้สารพิษต่างๆ ตกค้างอยู่ในร่างกายและกระตุ้นให้เกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เกิดการอักเสบต่างๆ ในร่างกายได้ง่ายขึ้น รวมถึงสุขภาพผิวหน้าที่อ่อนแอลง เป็นสิวง่ายขึ้นด้วย
ดังนั้นคุณควรดื่มน้ำให้ตรงตามความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร (ประมาณ 8 แก้ว) ทั้งนี้หากคุณต้องการดื่มน้ำในปริมาณที่ตรงตามความต้องการของร่างกายจริงๆ แนะนำให้คำนวณจากสูตรดื่มน้ำดังต่อไปนี้
น้ำหนัก (กิโลกรัม) x 2.2 x 30/2 = ปริมาณน้ำที่ควรดื่มใน 1 วัน (มล.)
เช่น น้ำหนัก 60 x 2.2 x 30/2 = 1,980 (ประมาณ 1.9-2 ลิตร)
3. ออกกำลังกายเป็นประจำ
เมื่อเรามีอายุมากขึ้น ประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมลง ผิวที่เคยกระชับก็เริ่มเหี่ยวย่น ไม่กระจ่างใสเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นคุณจึงควรออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-5 วันต่อ วันละ 30 นาที เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี มีเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงผิวมากขึ้น แถมยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง ส่งผลให้ผิวกระชับ เปล่งปลั่งขึ้น ทั้งนี้อาจใช้วิธีออกกำลังด้วยการนั่งโยคะ, วิ่งเร็ว 30 นาที สลับกับเดินช้า 3 นาที, ปีนเขา หรือว่ายน้ำก็ได้เช่นกันครับ
4. งดบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยด่วน
สำหรับใครที่เป็นสายปาร์ตี้ คืนวันศุกร์ทีไรต้องแฮงค์กลับบ้านทุกที ก็คงยากที่จะมีผิวหน้าที่เด็กกว่าวัย เพราะแอลกอฮอล์จะก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระและกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย นอกจากนี้การดื่มแอลกอฮอล์จะกระตุ้นให้ฮอร์โมนวาโซเพรสซิน (Vasopressin) ที่ทำหน้าที่ควบคุมน้ำในร่างกายทำงานผิดปกติ ร่างกายขับน้ำออกมาทางปัสสาวะบ่อยขึ้น ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำมากกว่าปกติ เมื่อผิวขาดความชุ่มชื้นบ่อยๆ เข้าก็จะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร อีกทั้งกระตุ้นให้รูขุมขนกว้างขึ้นและมีเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วกับไขมันเข้ามาอุดตันที่รูขุมขนง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดสิวบนใบหน้าง่ายขึ้น ผิวดูโทรม แก่กว่าวัยด้วยครับ
ส่วนบุหรี่นั้นก็มีแต่สารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายที่จะกระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระภายในผิว นอกจากนี้บุหรี่ยังมีฤทธิ์บีบหลอดเลือดในร่างกายให้แคบลง ส่งผลให้หลอดเลือดส่งออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ไปเลี้ยงผิวชั้นนอกได้น้อยลง โดยเฉพาะสารอาหารจากวิตามิน A ที่กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และเร่งการสร้างคอลลาเจนบำรุงผิว เมื่อร่างกายได้รับวิตามิน A น้อยลง ผิวจึงขาดการบำรุงและเสื่อมก่อนวัยได้ง่ายขึ้นด้วยครับ ทางที่ดีควรงดทั้งบุหรี่ทั้งแอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพผิวที่ดีขึ้นครับ
5. ทาครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดอยู่เสมอ
กรณีที่คุณมีผิวปกติ ไม่แห้ง ไม่มัน ไม่แพ้ง่าย สามารถใช้ครีมบำรุงผิวที่มีเนื้อเบาบาง มีส่วนผสมของน้ำเป็นหลัก ไม่เหนียวเหนอะหนะ อาจมีทั้งแบบเนื้อเจล ออยล์ โลชั่นหรือครีม ส่วนใครที่มีผิวมัน แนะนำให้เลือกครีมที่เป็นน้ำ เนื้อเจล หรือเนื้อโลชั่น มีเนื้อเบาบาง เพื่อป้องกันการอุดตันบนใบหน้าและต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางเพื่อปรับสภาพผิวก่อนทาครีมเสมอ หากใครที่มีผิวแห้งให้ใช้ครีมแบบเนื้อออยล์และแบบเนื้อครีม เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หรือใครที่มีผิวแพ้ง่ายให้ครีมที่ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติเพื่อป้องกันโอกาสแพ้สารเคมีที่มีอยู่ในครีม
และนี่คือ 5 วิธีที่ช่วยบำรุงผิวหน้าให้อ่อนกว่าวัย กระจ่างใส ไร้สิว แต่หากคุณเพิ่งเริ่มหันมาดูแลผิวหน้าหลังจากประสบปัญหาหลุมสิวลึกไปแล้วและต้องการจัดการปัญหาหลุมสิวจริงๆ เราขอแนะนำเทคนิค JUVGEN ที่คิดค้นโดย ดร. จินเซฮุน (Dr. Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลี ผู้คิดค้นวิธีรักษาหลุมสิวลึกด้วยการฟื้นฟูผิวหนังของตัวเองผ่านการฉีด Co2 foam, ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และกรด HA (Hyaluronic Acid) อนุภาคเล็กเข้าไปในชั้นหนังแท้ใต้หลุมสิวเพื่อฉีกเซลล์ผิวเก่าทิ้งก่อนที่จะกระตุ้นการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจน เพื่อให้เกิดผิวหนังใหม่ขึ้นมาเติมเต็มผิวภายในการรักษาเพียงครั้งเดียว นอกจากจะรักษาหลุมสิวได้ทุกประเภทแล้ว ยังใช้เวลารักษาไม่นาน ไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: JUVGEN คืออะไร ทำไมถึงตอบโจทย์การดูแลผิวหน้าของคนยุคใหม่
บทความที่น่าสนใจ
- เลเซอร์หลุมสิว หายถาวรไหม ไม่อยากเสียเวลา วิธีไหนไวสุด
- ผ่าตัดหลุมสิว รักษาได้จริงไหม ไม่อยากมีหลุมสิว ดูแลผิวยังไง
- ครีมรักษาหลุมสิว ช่วยได้จริงไหม ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าหลุมจะตื้นขึ้น
ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic
Gentle Clinic เราเป็นเจ้าแรกในไทยที่ใช้เทคนิคการรักษาหลุมสิว JuvGenesis จาก Dr.จิน (Jin Se-hun) ที่กล้าการันตีผลลัพธ์หลังการรักษา ทำครั้งเดียวจบ ไม่ต้องมาทำซ้ำ และที่สำคัญตัวเครื่องมือถูกออกแบบมาสำหรับรักษาปัญหาหลุมสิวโดยเฉพาะ จึงรักษาปัญหาได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ปลอดภัยต่อทุกสีผิว (ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงเหมือนเลเซอร์) ระหว่างทำไม่จำเป็นต้องแปะยาชาเพราะไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาเหมือนวิธีอื่นๆ อีกด้วย
JuvGenesis ช่วยให้คุณกลับมามีผิวหน้าที่เรียบเนียนขึ้นอีกครั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Rolling scar, Box scar, Ice-pick Scars, หลุมเล็ก, หลุมใหญ่ หรือหลุมลึกก็ตาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวแบบเร่งด่วนและะรักษาถาวร นอกจากเทคนิคการรักษาและเครื่องมือคุณภาพสูงแล้ว เรายังมีทีมแพทย์ของมากประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGenesis
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://page.line.me/gentleclinic
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand