หน้าเป็นหลุม รักษาด้วยธรรมชาติได้ไหม มีวิธีที่ไวกว่านี้มั้ย

Facebook
Twitter

ต่อให้คุณจะรักษาสิวอักเสบหายสนิทแล้วแต่สิ่งหนึ่งที่สิวอักเสบได้ทิ้งเอาไว้ให้เราดูหน้าต่างนั่นก็คือปัญหาหน้าเป็นหลุม กรณีที่หลุมไม่ลึกมากก็อาจใช้เวลารักษาไม่นาน แต่หากสิวอักเสบรุนแรงจนกลายเป็นหลุมลึก ก็อาจใช้เวลารักษามากขึ้นเพิ่มไปอีก และหากคุณกำลังสงสัยว่ามีวิธีรักษาหลุมสิวด้วยวิธีธรรมชาติไหม มีวิธีที่ไวกว่านี้ไหม วันนี้เรามีคำตอบครับ

หน้าเป็นหลุมเกิดจากอะไร

หลุมสิวเป็นรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากที่สิวอักเสบหรือสิวอุดตันหายไป โดยสิวอักเสบจะมีเชื้อแบคทีเรีย P.acnes (Propionibacterium Acnes) ที่สร้างความเสียหายให้แก่เนื้อเยื่อและคอลลาเจน ในขณะที่ร่างกายก็สร้างพังผืดที่ดึงรั้งเพื่อสมานแผลตามกลไกธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวหนังยุบลงไปและกลายเป็นหลุมสิวตามมา โดยสิวอักเสบที่ทำให้เกิดหลุมสิวมีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ สิวอักเสบรุนแรง (Pustule), สิวหัวช้างเม็ดใหญ่ (Cyst) และสิวเป็นไต (Nodule) ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจนลุกลามไปทั่วชั้นใต้ผิว นอกจากปัญหาสิวแล้ววิธีการรักษาสิวด้วยการบีบ/กดสิวนั้นก็อาจก่อให้เกิดหลุมสิวได้เช่นกัน เนื่องจากเล็บและมือของเราล้วนแต่มีเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกซ่อนอยู่ หากใช้มือกดสิวแม้จะเป็นสิวเม็ดเล็กก็ตาม ก็อาจก่อให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อโดยรอบจนกลายเป็นสิวอักเสบตามมาได้

หลุมสิวหายเองได้ไหม

ขึ้นอยู่กับประเภทของหลุมสิวครับ ในกรณีที่เป็นหลุมสิวตื้นนั้นสามารถรักษาได้ด้วยสกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว เพียงแต่จะต้องใช้เวลารักษานานพอสมควรและต้องระวังผลข้างเคียงจากการใช้ยาด้วยนะครับ แต่หากเป็นหลุมสิวลึกนั้นไม่สามารถหายเองได้ตามธรรมชาติเนื่องจากเนื้อเยื่อและคอลลาเจนบริเวณที่มีสิวอักเสบได้ถูกทำลายไปแล้ว จำเป็นที่จะต้องรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์เท่านั้นครับ

หน้าเป็นหลุม รักษานานไหม

ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาครับ หากคุณต้องการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติอาจใช้เวลานานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี แต่จำเป็นจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ทิ้งช่วงนานเกินไป ส่วนการรักษาทางการแพทย์ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมหลุมสิวนั้นอาจอยู่ที่ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละคน) กรณีที่ทำเลเซอร์หลุมสิวนั้นอาจไม่อาจเติมหลุมสิวได้ 100% ได้มากสูงสุดเพียงแค่ 70-80% เท่านั้น ส่วนการทานยาบำรุงผิวนั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของยา ทั้งนี้หากใช้ยาไปนาน ๆ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ จึงเป็นวิธีที่เราไม่แนะนำ

หน้าเป็นหลุม รักษาด้วยวิธีธรรมชาติได้ไหม

ได้ครับ แต่มีข้อจำกัดตรงที่วิธีทางธรรมชาติจะต้องใช้เวลานานพอสมควร กรณีที่คุณต้องการให้หลุมสิวหายไปทันทีนั้นอาจต้องพึ่งการรักษาทางการแพทย์แทนครับ สำหรับใครที่มีปัญหาหลุมสิวตื้น ๆ เรามีวิธีธรรมชาติมาแนะนำประมาณ 4 วิธี ได้แก่

1. ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้นับเป็นพืชสมุนไพรชั้นดีที่ช่วยรักษาสิวได้เป็นอย่างดีเนื่องจากมีสารอะลอคติน เอ (Aloctin A) เป็นสารไกลโคโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่โดยการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก รักษาการอักเสบของผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน ช่วยสมานผิวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งช่วยบำรุงให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย โดยเราจะนำว่านหางจระเข้มาแช่ในน้ำสะอาดประมาณ 15 นาทีจนยางเหลืองออก จากนั้นนำมาปลอกเปลือกและล้างเมือกออกด้วยน้ำสะอาดอีกที แล้วค่อยหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และแช่ตู้เย็นประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วค่อยนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วค่อยล้างน้ำ

2. น้ำมะพร้าวสกัดเย็น

น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดลอริก (Lauric Acid) ที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิว, มีวิตามิน K ที่ช่วยลดรอยแผลเป็นหลังเกิดสิว และที่สำคัญมีวิตามิน E ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นระหว่างเซลล์ผิว ป้องกันไม่ให้ต่อมไขมันหลั่งไขมันออกมาใช้เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวจนกลายเป็นสาเหตุหนึ่งของสิวอุดตัน ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ไม่แห้งกร้าน ลดจุดด่างดำ ป้องกันการสร้างเมลานินไม่ให้มีปริมาณที่มากเกินไป รอยสิวแลดูจางลง สำหรับวิธีการใช้นั้นคุณจะต้องล้างหน้าให้สะอาดก่อนแล้วค่อยนำน้ำมะพร้าวสกัดเย็นมาหยดลงบนบริเวณที่มีหลุมสิว ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อตื่นมาก็ล้างหน้าตามปกติได้เลยครับ

3. มะละกอ

มะละกออุดมไปด้วยเอนไซม์ Papain ที่ช่วยลดการอักเสบและเร่งการผลัดเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ ป้องกันผิวจากเชื้อแบคทีเรีย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว อีกทั้งช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนผิวหน้าด้วยการย่อยคอลลาเจนให้เร็วขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาจึงทำให้มะละกอเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใครหลายคนนำไปใช้ โดยเราจะนำมาละกอสุดมาบดให้ละเอียดและนำมาพอกหน้าประมาณ 10-15 นาที จากนั้นค่อยล้างออก

4. ใบบัวบก

ใบบัวบกมีสารกลูโคไซด์ (Glucoside) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีสาสตินในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณหลุมสิวถูกสร้างขึ้นมาและหลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น อีกทั้งช่วยต้านเชื้อจุลินทรีย์และแบคทีเรีย C.Ances ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวอักเสบได้อีกด้วย นอกจากนี้ใบบัวบกยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างกรดอะมิโน, วิตามิน A, B1, B2 กรดไขมัน และเบตาแคโรทีนที่มีส่วนสำคัญในการบำรุงผิวพรรณให้แข็งแรง ต้านเชื้อแบคทีเรียได้ดี ลดความเสื่อมของเซลล์ผิว เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น  โดยเราจะใช้ใบบัวบก 1 กำมือ คั้นหรือบดให้ละเอียดแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทั้งนี้อาจใช้แบบแยกน้ำหรือใช้กากพอกหน้าก็ได้เช่นกัน หรือถ้าจะให้ดีเราขอแนะนำให้ดื่มน้ำใบบัวบกทุกวันควบคู่กันไปด้วยเพื่อเสริมสารกลูโคไซด์จากภายใน

หน้าเป็นหลุม รักษาด้วยวิธีไหนดีที่สุด

หลายคนอาจคิดได้ยินมาว่าหลุมสิวไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ นั่นเป็นเรื่องของอดีตครับ เพราะในปัจจุบันมีวิธีที่สามารถรักษาหลุมสิวให้หายได้แล้วด้วยโปรแกรมรักษาหลุมสิว JuvGenesis จาก Gentle Clinic ครั้งแรกในไทยที่ใช้เทคนิคการฟื้นฟูผิวหนังตัวเองจาก dr.จิน แตกต่างจากการรักษาหลุมสิวแบบเดิม ๆ ที่ต้องกรอผิว (Physical Stimulation) ซึ่งไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้ 100% แต่เทคนิค JuvGenesis จะให้ผลลัพธ์ที่คงทนถาวรในระยะยาว โดยแพทย์จะฉีด CO2foam (Chemical (CO2)/Biological (HA)/ Physical (Subcision) stimulation) ด้วยเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาสำหรับรักษาปัญหาผิวหน้าโดยเฉพาะ เพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ใต้ผิวหลุมสิวที่เป็นแผลหรือร่องรอยลึก จึงช่วยเติมเต็มริ้วรอยของแผลเป็นลึกได้เป็นอย่างดี ทำครั้งเดียวก็พอ ไม่จำเป็นต้องกลับมาทำซ้ำเหมือนวิธีอื่น แถมยังเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการรักษาอีกด้วย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: JUVGEN คืออะไร ทำไมถึงตอบโจทย์การดูแลผิวหน้าของคนยุคใหม่

บทความที่น่าสนใจ

ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic

GentleClinic เราเป็นทีมแรกในไทยที่ใช้เครื่อง JuvGen รักษาหลุมสิวและร่องลึก โดยได้รับการเทรนโดยตรงจาก Dr.จิน (Jin Se-hun) เราพร้อมด้วยประสบการณ์และเทคนิคในการยิงหลุมที่ลึกและยากกว่าหลุมทั่วไป เช่น box scar ที่มีขอบแข็ง หลุมแผลเป็นลึกจากอีสุกอีใส ร่องพับลึกบนหน้าฝาก เป็นต้น เราจึงกล้าการันตีผลการรักษา จ่ายครั้งเดียวจบ เติมหลุมสิวจนเต็มโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม Juvgen

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ