สิวแต่ละจุดเกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันสิวได้อย่างไรบ้าง

Facebook
Twitter

ปัญหาสิวกับผิวหน้าถือเป็นของคู่กันสำหรับใครหลาย แม้ว่าจะพยายามรักษามานานแล้วแต่ก็ยังกลับมาเป็นอีก หรือบางคนอาจเป็นหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือยังหาทางรักษาไม่ถูกวิธี วันนี้เราเลยจะพามาทำความรู้จักกับสิวแต่ละจุดกันว่าเกิดขึ้นจากอะไร แตกต่างกันอย่างไร แล้วมีวิธีรับมืออย่างไรบ้าง ตามมาอ่านกันได้ในบทความนี้เลยครับ

สิวแต่ละจุด เกิดจากอะไร

1. สิวที่หน้าผาก

  • ความมันและเหงื่อสะสม หน้าผากเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น ทำให้เกิดการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมา หากคุณล้างหน้าไม่สะอาด อาจทำให้น้ำมันส่วนเกินสะสม และอุดตันอยู่ในรูขุมขน จนกลายเป็นสิวอุดตัน ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่มีผิวมันหรือมีเหงื่อออกง่าย ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นสิวที่หน้าผากมากกว่าคนผิวแห้ง รวมถึงการใส่หมวกหรือผ้าคาดหัวเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เหงื่อสะสมเป็นเวลานานอยู่บนหน้าผากและเกิดสิวตามมาได้ด้วยครับ
  • การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผม ไม่ว่าจะเป็นแชมพู ครีมนวดผม เจลแต่งผม มูส สเปรย์ฉีดผม หรือน้ำมันบำรุงผมก็ตาม ล้วนแต่ก่อให้เกิดสิวที่หน้าผากได้ทั้งนั้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีสารบางชนิดที่อาจทำให้รูขุมขนอุดตัน ระคายเคืองผิว หรือกระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบ เช่น ส่วนผสมที่ช่วยให้ผมนุ่มลื่นที่มีส่วนประกอบของซิลิโคน น้ำมัน แวกซ์ ซัลเฟต โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่ายอาจต้องระวังเป็นพิเศษ หากคุณทำความสะอาดไม่ดี ปล่อยให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ตกค้างอยู่บนหน้าผากทั้งระหว่างอาบน้ำหรือใช้สเปรย์ฉีดผม ก็อาจเกิดสิวที่หน้าผากได้เช่นกัน
  • ระบบย่อยอาหารมีปัญหา สิวที่หน้าผากเป็นผลข้างเคียงจากการทำงานที่หนักเกินไปของระบบย่อยอาหาร เนื่องจากการรับประทานอาหารทอดหรือแปรรูปมากเกินไป การดื่มน้ำน้อย หรือการทานยายาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายพยายามขับสารพิษออกมาในรูปแบบของสิว  (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: สิวบอกโรคอะไรได้บ้าง ไม่อยากเป็นสิวบ่อย ทำอย่างไรดี)

2. สิวที่จมูก

  • ความมันส่วนเกินและรูขุมขนอุดตัน จมูกเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่และหนาแน่น ทำให้ผลิตน้ำมันออกมามากกว่าบริเวณอื่น เมื่อรูขุมขนอุดตันไปด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ก็จะเกิดสิวหัวดำและสิวหัวขาวตามมา โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันมักจะมีสิวที่จมูกบ่อยกว่าคนผิวแห้ง
  • การสวมหน้ากากอนามัยซ้ำๆ โดยไม่เปลี่ยนหรือซักให้สะอาด ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ความอับชื้นจากไอน้ำที่ออกมาเวลาเราหายใจ น้ำมันส่วนเกิน และการเสียดสีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณจมูก ซึ่งไปกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงอาการแพ้สารเคมี สี หรือวัตถุที่ใช้ผลิตหน้ากากอนามัยที่ระคายเคืองต่อผิวและก่อให้เกิดสิวที่จมูกได้เช่นกัน (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: สิวแพ้แมสเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาให้หายขาดไหม)
  • ระบบหัวใจและหลอดเลือดมีปัญหา ตามศาสตร์แพทย์แผนจีนกล่าวไว้ว่าสิวที่จมูกเกิดจากหัวใจและระบบไหลเวียนเลือดมีปัญหา เพราะจมูกเป็นจุดเชื่อมโยงไปถึงสุขภาพของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด หากร่างกายมีภาวะความดันโลหิตสูงหรือมีระดับไขมันในเลือดสูงจากภาวะความเครียดสะสม, การรับประทานอาหารทอด แอลกอฮอล์ หรือน้ำตาลมากเกินไป ก็จะแสดงออกมาในรูปแบบของสิวที่จมูก

3. สิวที่แก้ม

  • โทรศัพท์มือถือ มือถือเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้งานแทบจะตลอดเวลา จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีสิ่งสกปรกต่างๆ เกาะติดอยู่บนมือถือได้ง่าย ทั้งจากนิ้วมือที่ไม่สะอาด ไปหยิบจับธนบัตร ราวบันได ลูกบิดประตูห้องน้ำ, การวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงานหรือเคาน์เตอร์ห้องน้ำ หรือการแนบโทรศัพท์ไว้กับแก้มขณะคุยโทรศัพท์ ก็อาจทำให้สิ่งสกปรกต่างๆ เกาะติดอยู่บนแก้มและสะสมจนกลายเป็นสิวอุดตัน
  • ที่นอนไม่สะอาด ปลอกหมอนของเราล้วนแต่มีสิ่งสกปรกสะสมอยู่มากมาย ทั้งเหงื่อ น้ำลาย น้ำมันจากผิว เซลล์ผิวที่ตายแล้ว ฝุ่น ไรฝุ่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเส้นผมที่ตกค้าง หากคุณไม่ค่อยได้ซักปลอกหมอนเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ก็อาจทำให้สิ่งสกปรกต่างๆ สัมผัสกับแก้มและเกิดสิวได้ครับ
  • ระบบทางเดินหายใจมีปัญหา ปัญหาทางเดินหายใจต่างๆ ทั้งหอบหืด, ไซนัสอักเสบ หรือโรคปอด ล้วนแต่ทำให้การทำงานของปอดไม่เต็มที่ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับสารพิษออกจากร่างกายที่ลดลง เมื่อระบบหายใจขับสารพิษออกมาได้ไม่ดีพอ พิษที่สะสมในร่างกายจะถูกขับออกทางผิวหนังแทน โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการทำงานของต่อมไขมันสูงอย่างแก้ม ทำให้เกิดสิวที่แก้มง่ายขึ้น

4. สิวที่คาง

  • ฮอร์โมนเพศและรอบเดือน ในช่วงก่อนมีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) จะสูงขึ้นและไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันบริเวณใบหน้ามากเกินไป จนกลายเป็นน้ำมันส่วนเกินที่เข้าไปอุดตันในรูขุมขน โดยเฉพาะบริเวณคางและ แนวกราม ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการตอบสนองต่อฮอร์โมนได้มากที่สุด
  • การจับคางหรือเท้าคางบ่อย ถือเป็นพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่มักจะทำเวลารู้สึกเมื่อยหรือรู้สึกเบื่อ แต่ในความจริงนั้นมือของเราเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกที่มาจากการสัมผัสสิ่งของต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทำให้สิ่งสกปรกถูกถ่ายโอนไปที่ผิวหน้าและเกิดการอุดตันของรูขุมขน จนกลายเกิดสิวได้
  • ปัญหาสุขภาพ หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) และโรคไทรอยด์ ก็จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากอย่างคางและแนวกราม รวมถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันอย่างโรคลูปัส (Lupus) ได้อีกด้วย

5. สิวที่หน้าอก

  • การสวมใส่เสื้อผ้าที่คับหรือไม่ระบายอากาศ หากคุณสวมใส่เสื้อผ้ารัดรูป หรือชุดชั้นใน ก็อาจเกิดการเสียดสีบริเวณหน้าอกและเกิดการระคายเคือง และที่สำคัญเสื้อผ้าที่ระบายอากาศไม่ดีจะทำให้เหงื่อสะสมและตกค้างอยู่บนผิวหนังจนเกิดการอุดตันในรูขุมขน โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนหรือหลังจากออกกำลังกาย ซึ่งเป็นช่วงที่มีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ
  • การทำความสะอาดร่างกายไม่ดีพอ หลายคนอาจให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดจุดที่โดดเด่นอย่างใบหน้า หรือเน้นการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นเป็นหลัก เลยละเลยการทำความสะอาดผิวบริเวณหน้าอก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเหงื่อไหลลงมาบ่อย หากคุณไม่ล้างทำความสะอาดให้ดีก็อาจเกิดสิวที่หน้าอกได้ง่ายๆ เลยครับ

6. สิวที่แผ่นหลัง

  • การผลิตน้ำมันที่มากเกินไป นอกจากใบหน้าของเราแล้ว แผ่นหลังยังเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีต่อมไขมันเยอะไม่แพ้กัน หากคุณทำความสะอาดแผ่นหลังไม่ทั่วถึง ก็อาจเกิดสิวที่แผ่นหลังตามมาได้ด้วย
  • การสวมใส่เสื้อผ้าไม่ระบายอากาศ หากคุณสวมใส่เสื้อผ้ารัดรูป เสื้อผ้าหนา หรือมีความหนาและยืดหยุ่นต่ำ ก็อาจเกิดการเสียดสีระหว่างแผ่นหลังและเนื้อผ้าได้ โดยเฉพาะเสื้อกีฬาที่มีการเสียดสีอยู่ตลอดเวลาตามการเคลื่อนไหวของเรา เมื่อเสื้อผ้าเสียดสีกับแผ่นหลังมากๆ เข้า ผสมกับเหงื่อที่ออกจากการเล่นกีฬา ก็จะเกิดการระคายเคืองและนำมาสู่รูขุมขนอุดตันที่กลายมาเป็นสิวที่แผ่นหลัง

 

นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดสิวตามมาได้ด้วย ไม่เพียงแค่จุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่

  • การทำความสะอาดไม่ถูกวิธีหรือไม่เพียงพอ ทำให้ผิวบริเวณนั้นมีสิ่งสกปรกอุดตันรูขุมขนจนกลายเป็นสิว
  • การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือผลิตภัณฑ์จากนม ทำให้น้ำตาลเข้าไปเพิ่มระดับอินซูลินในร่างกายและกระตุ้นการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันในผิวหนังมากขึ้น
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาที่มีผลต่อฮอร์โมน หรือยาสเตียรอยด์ ที่มีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดสิว
  • ความเครียด จะไปกระตุ้นการผลิตคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองของร่างกายต่อความเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะกระตุ้นการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันในผิวหนังมากขึ้น น้ำมันส่วนเกินนี้จะเข้าไปอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิว นอกจากนี้ความเครียดยังมีผลทำให้การฟื้นฟูผิวช้าลงและเพิ่มโอกาสเกิดการอักเสบจากสิวมากขึ้นอีกด้วย (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: เจาะลึกสาเหตุและวิธีรับมือกับ “สิวเครียด” อย่างถูกวิธี )

 

สุดท้ายนี้แม้ว่าคุณจะรู้แล้วว่าสิวที่โผล่ขึ้นมาเกิดจากสาเหตุใด แต่หากคุณดูแลรักษาสิวแบบผิดๆ หรือละเลยการดูแลสิวอย่างถูกวิธี ก็อาจนำมาสู่ปัญหาสิวอักเสบที่ต่อให้จะรักษาหายแล้ว แต่ก็ยังมีหลุมสิวตามมาอยู่ดี ซึ่งการรักษาหลุมสิวโดยทั่วไปแล้วอาจใช้ระยะเวลานานเป็นปี หรืออาจรักษาได้ไม่ถาวร จำเป็นต้องกลับเข้ามารักษาซ้ำๆ เพื่อคงผลลัพธ์ไว้ ทางที่ดีควรดูแลตัวเองหรือเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะด้านจะดีที่สุดครับ

รักษาหลุมสิววิธีไหนดีที่สุด

โปรแกรม ScarSurgery หรือ ศัลยกรรมเสริมเนื้อใต้หลุมสิวถาวรด้วยเทคโนโลยี Juvgen จาก Gentle Clinic ที่ถูกคิดค้นด้วย ดร.จิน หรือนายแพทย์ จินเซฮุน (Dr. Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลี ผ่านการฉีด Co2 foam ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) อนุภาคเล็กเข้าไปยังชั้นหนังแท้ใต้แผลเป็น หลุมสิว หรือริ้วรอยร่องลึก โดยแพทย์จะฉีดสารเข้าไปทีละนิด ๆ เพื่อฉีกเซลล์ทิ้งและกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากเพื่อปิดหลุมสิวในทันที แต่หลังจากการรักษาประมาณ 30-60 วัน ตัวสารที่ฉีดเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากบริเวณหลุมสิว ส่งผลให้มีการเติมเต็มเนื้อเยื่ออย่างถาวร คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องกลับมารักษาซ้ำเป็นรอบที่สอง

นอกจากนี้ตัวเครื่องจูวีเจนถูกออกแบบสำหรับรักษาปัญหาผิวหน้าโดยเฉพาะ คนไข้จึงไม่ต้องฉีดยาชาบรรเทาอาการเพราะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งระหว่างและหลังการรักษาแล้ว และที่สำคัญยังไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: บริการฉีดสร้างเนื้อหลุมสิวถาวร Juvgen จาก Gentle Clinic

บทความที่น่าสนใจ

ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic

Gentle Clinic เราเป็นเจ้าแรกในไทยที่ใช้เทคนิคการรักษาหลุมสิว JuvGenesis จาก Dr.จิน (Jin Se-hun) ผ่านโปรแกรม ScarSurgery ที่กล้าการันตีผลลัพธ์หลังการรักษา ทำครั้งเดียวจบ ไม่ต้องมาทำซ้ำ และที่สำคัญตัวเครื่องมือถูกออกแบบมาสำหรับรักษาปัญหาหลุมสิวโดยเฉพาะ จึงรักษาปัญหาได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ปลอดภัยต่อทุกสีผิว (ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงเหมือนเลเซอร์) ระหว่างทำไม่จำเป็นต้องแปะยาชาเพราะไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาเหมือนวิธีอื่นๆ อีกด้วย นอกจากเทคนิคการรักษาและเครื่องมือคุณภาพสูงแล้ว เรายังมีทีมแพทย์ของมากประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGenesis

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ