ครีมรักษาหลุมสิวถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาสิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะหายซื้อง่ายแล้วยังมีให้เลือกมากมาย หลายยี่ห้ออีกด้วย ว่าแต่การทาครีมจะช่วยได้จริงไหม เลือกครีมทาแบบไหนดี ใช้เวลารักษานานแค่ไหน แล้วมีวิธีที่เห็นผลไวกว่านี้ไหม วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกันครับ
ครีมรักษาหลุมสิว คืออะไร
เป็นครีมทารักษาหลุมสิวที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนที่จะช่วยลอกผิวชั้นตื้นออกและดันเนื้อเยื่อที่สร้างขึ้นมาใหม่ขึ้นมาแทนที่และกลบหลุมสิวให้เรียบเนียนเสมอกัน โดยสารเคมีที่ใช้จะทั้งแบบเป็นกรดแล็กทิก (Lactic Acid) กรดไตรคลอโรอะซิติก (TCA) กรดผลไม้ หรือ AHA (Alpha hydroxy Acids) กรดเบต้าไฮดรอกซี (BHA) หรือยาในกลุ่มเรตินอล (Retinoids) ที่จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกและกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนที่ สำหรับปริมาณของสารที่ใช้ส่วนใหญ่จะมีความเข้มข้นในระดับที่ต่ำเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดกับผิวหน้าหรืออวัยวะสำคัญอื่นๆ ได้ในระยะยาว
ครีมรักษาหลุมสิว ใช้สารอะไรบ้าง
1. กรดผลไม้ หรือ AHA (Alpha hydroxy Acids)
เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์เป็นกรด มีคุณสมบัติเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าอิอก กระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่ให้ขึ้นมายังชั้นหนังกำพร้า อีกทั้งซ่อมแซมคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียน ดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนี้ยังช่วยลดจุดด่างดำ รอยสิวดูจางลง ลดการสะสมของสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามรูขุมขน ปรับสมดุลค่า pH ของผิวและเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กรด AHA เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง แพ้ง่าย สีผิวไม่สม่ำเสมอ รูขุมขนกว้าง มีริ้วรอยก่อนวัย หรือแม้แต่ผู้ที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่กลางแจ้งเป็นเวลานานที่โดนแดดทำร้ายผิวเป็นประจำ กรด AHA แบ่งออกได้หลายประเภท ได้แก่
- กรดซิตริก (Citric Acid) มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกัน ลดริ้วรอยและรอยแผล พบได้ในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว สัปปะรด
- กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายออกไป กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ขจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พบได้ในพืชที่สร้างน้ำตาล เช่น อ้อย ข้าวโพด หญ้าหวาน
- กรดแลคติก (Lactic Acid) มีคุณสมบัติลดขนาดรูขุมขน เสริมสร้างกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อในชั้นผิว ช่วยให้ผิวชั้นนอกนุ่มขึ้น พบได้ในผลิตภัณฑ์หมักดองจากผลไม้และถั่วเหลือง
- กรดมาลิก (Malic Acid) มีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและริ้วรอย กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวร่วมกับกรด AHA ชนิดอื่น พบได้ในแอปเปิลไม่สุก ลูกแพร์ เชอร์รี่
- กรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid) มีคุณสมบัติช่วยดูดซับรังสี UV ไม่ให้เข้าไปทำลายลึกถึงชั้นผิว พบได้ในมะขามทุกชนิด โดยเฉพาะมะขามเปรี้ยว
2. กรดไตรคลอโรอะซิติก (TCA)
เป็นกรดที่ทำให้โปรตีนของเนื้อเยื่อตกตะกอนและเสื่อมสภาพจนหลุดลอกออกจากผิวหน้าไปเอง โดยทั่วไปแล้วกรดชนิดนี้มีฤทธิ์เป็นอันตรายต่อสิ่งต่างๆ ทั้งคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม แต่หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ก็สามารถรักษาปัญหาผิวหน้าได้เช่นกัน และที่สำคัญสารชนิดนี้จะถูกจำกัดให้ใช้ได้เฉพาะเป็นยารักษาโรคเท่านั้น หากพบครีมที่มีส่วนผสมของสารดังกล่าวก็ไม่แนะนำให้ใช้เด็ดขาด เพราะอาจมีการผสมสารในปริมาณที่ไม่เหมาะสมและอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
4. กรดเบต้าไฮดรอกซี (BHA)
เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มกรดไฮดรอกซี (Hydroxy Acids) ที่พบได้ในเปลือกต้นหลิวและกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมี กรดชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ละลายสิวหัวดำและหัวขาวที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน ต้านการอักเสบของผิว ย่อยสลายเคราติน โดยทั่วไปจะใช้ในปริมาณความเข้มข้นไม่เกิน 2% ต่อวัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันและผิวผสม มีปัญหาสิวอักเสบและสิวอุดตัน มีฝ้า จุดด่างดำ ผิวแห้งหยาบกร้าน แม้ปริมาณ BHA ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะไม่เกิน 2-3% แต่ในช่วงแรกของการใช้ผลิตภัณฑ์ควรทาเพียง 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ไปก่อนครับ เพราะหากทาทุกวันก็อาจทำให้ผิวหน้าได้รับ BHA มากเกินไปและทำให้ผิวหน้าไหม้ได้
5. ยาในกลุ่มเรตินอล (Retinoids)
เป็นอนุพันธ์ของวิตามิน A บริสุทธิ์ มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกไปและเผยผิวใหม่ กระชับรูขุมขน ผิวดูเรียบเนียน ช่วยลดจุดด่างดำ รอยดำจากสิว และฝ้าให้จางลง อีกทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวเต่งตึง ควบคุมความมันบนใบหน้า ลดการอักเสบของสิว ยาในกลุ่มนี้เหมาะสำหรับใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรกลางคืนเนื่องจากเรตินอลทำปฎิกิริยากับแสงไวมาก และควรทาควบคู่ไปกับครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสี UV ที่อาจทำปฎิกิริยากับเรตินอล สำหรับวิธีการใช้ในช่วงแรกแนะนำให้ใช้เพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วค่อยเพิ่มความถี่มากขึ้นในสัปดาห์ที่ 3 และสามารถทาได้ทุกวันในสัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ยาในกลุ่มเรตินอลอาจไม่เหมาะกับคนบางกลุ่ม ได้แก่ ผู้ที่มีผิวบอบบาง สตรีมีครรภ์ และคุณแม่ที่อยู่ในช่วงระหว่างให้นมบุตร
ครีมรักษาหลุมสิว รักษาหายถาวรไหม
ขึ้นอยู่กับความลึกของหลุมสิวครับ หากเป็นหลุมสิวตื้นอย่าง Rolling Scar ก็สามารถรักษาให้หายได้ เพียงแต่จะต้องใช้เวลาที่นานกว่าวิธีทางการแพทย์ครับและที่สำคัญจะต้องทาทันทีหลังเกิดหลุมสิว แต่หากเป็นหลุมสิวที่ลึกมากอย่าง Ice Pick Scar นั้นจะต้องเข้ารับการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์เท่านั้น เนื่องจากครีมรักษาหลุมสิวจะซึมไปถึงชั้นผิวตื้น ไม่ได้ลงลึกไปถึงชั้นผิวที่เกิดพังผืดซึ่งเป็นสาเหตุของหลุมสิวเลย
ครีมรักษาหลุมสิว รักษานานไหม
โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 4-6 เดือน หากใช้เป็นประจำ แต่บางคนอาจใช้เวลาเป็นปีกว่าจะดีขึ้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผิวหน้า, สภาพผิว, พฤติกรรมเสี่ยง (สูบบุหรี่/ดื่มแอลกอฮอล์), ระดับความลึกของหลุมสิว และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้ด้วยครับ
มีวิธีไหนที่ไวกว่าครีมรักษาหลุมสิวบ้าง
- ฟิลเลอร์หลุมสิว เป็นการฉีดฟิลเลอร์ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่สกัดจากธรรมชาติเข้าไปยังหลุมสิวเพื่อเติมเต็มหลุมสิวทันที แม้จะเป็นวิธีที่สะดวก ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้นเลย แต่ตัวฟิลเลอร์เองก็มีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ก่อนที่จะสลายไปเอง คนไข้ต้องกลับมาฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์เอาไว้
- เลเซอร์หลุมสิว เป็นการยิงเลเซอร์เข้าไปยังหลุมสิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวและสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาดันหลุมสิวให้เรียบเนียน แม้จะเห็นผลไวเกินวิธีอื่นแต่มีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งความรู้สึกเจ็บที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษาแม้จะฉีดยาชาแล้วก็ตาม จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ให้ผลลัพธ์ถาวรแค่หลุมสิวแบบตื้นอย่าง Rolling Scar และ Box Scar เท่านั้น และค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ค่อนข้างสูงอีกด้วย
- การกรอหน้าด้วยเกล็ดอัญมณี เป็นการใช้เกล็ดอัญมณีกรอผิวด้วยระบบสุญญากาศเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วในชั้นหนังกำพร้าและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่มาแทนที่หลุมสิว เนื่องจากเป็นการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกเท่านั้นจึงไม่สามารถรักษาหลุมสิวแบบ Ice Pick Scar ได้ และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาประมาณ 8-10 ครั้งกว่าจะเห็นผลชัดเจน
- การลอกผิวด้วยสารเคมี เป็นการทาสารเคมีที่หลุมสิวเพื่อทำลายเซลล์ผิวหนังชั้นบนสุดออกและกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ โดยสารเคมีที่ใช้จะเป็นสารฟอกขาว (Sodium Hydrosulfite), กรด BHA (Beta Hydroxy Acid), กรด TCA (Trichloroacetic), กรดผลไม้ (Glycolic Acid) ในปริมาณที่สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานทางการแพทย์ เป็นวิธีที่อันตรายเป็นอย่างมากเนื่องจากปริมาณสารที่ใช้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นจึงต้องทำภายใต้การควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- JUVGEN เป็นเทคนิคการรักษาปัญหาหลุมสิวแบบถาวรโดยเน้นไปที่การฟื้นฟูผิวหนังด้วยตัวเอง ถูกคิดค้นโดยศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลีอย่าง Dr.จิน (Jin Se-hun) โดยแพทย์จะฉีด Co2 foam ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) อนุภาคเล็กเข้าไปยังชั้นหนังแท้ใต้หลุมสิวเพื่อฉีกเนื้อเยื่อที่เกิดจากการสมานแผลไม่สมบูรณ์ออกไปและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ จูวีเจนแตกต่างจากเทคนิคการรักษาอื่นๆ ตรงที่สามารถรักษาหลุมสิวได้ทุกประเภท เห็นผลทันทีหลังการฉีด ส่วนผลลัพธ์ก็คงทนถาวร ไม่จำเป็นต้องกลับมาฉีดซ้ำ อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: JUVGEN คืออะไร ทำไมถึงตอบโจทย์การดูแลผิวหน้าของคนยุคใหม่
บทความที่น่าสนใจ
- สิวฮอร์โมนเกิดจากอะไร หายเองได้ไหม ดูแลยังไงไม่ให้สิวอักเสบ
- รักษาหลุมสิวด้วยตัวเอง ใช้เวลานานไหม มีวิธีที่ไวกว่านี้มั้ย
- รอยแผลเป็นจากสิวคืออะไร มีกี่แบบ แก้ยังไงไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic
Gentle Clinic เราเป็นเจ้าแรกในไทยที่ใช้เทคนิคการรักษาหลุมสิว JuvGenesis จาก Dr.จิน (Jin Se-hun) ที่กล้าการันตีผลลัพธ์หลังการรักษา ทำครั้งเดียวจบ ไม่ต้องมาทำซ้ำ และที่สำคัญตัวเครื่องมือถูกออกแบบมาสำหรับรักษาปัญหาหลุมสิวโดยเฉพาะ จึงรักษาปัญหาได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ปลอดภัยต่อทุกสีผิว (ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงเหมือนเลเซอร์) ระหว่างทำไม่จำเป็นต้องแปะยาชาเพราะไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาเหมือนวิธีอื่นๆ อีกด้วย
JuvGenesis ช่วยให้คุณกลับมามีผิวหน้าที่เรียบเนียนขึ้นอีกครั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Rolling scar, Box scar, Ice-pick Scars, หลุมเล็ก, หลุมใหญ่ หรือหลุมลึกก็ตาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวแบบเร่งด่วนและะรักษาถาวร นอกจากเทคนิคการรักษาและเครื่องมือคุณภาพสูงแล้ว เรายังมีทีมแพทย์ของมากประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGenesis
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://page.line.me/gentleclinic
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand