เป็นสิวหนอง บีบสิวได้ไหม ดูแลยังไงไม่ให้หน้าเป็นหลุม

Facebook
Twitter

สิวหัวหนองเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนเผชิญ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นหรือวัยที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง หลายคนอาจเผลอแกะหรือบีบสิวเพราะคิดว่าจะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น แต่การบีบสิวก็อาจนำไปสู่การอักเสบที่รุนแรงกว่าเดิม แถมยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวที่ยากต่อการรักษาอีกด้วย ในบทความนี้เราจะมาไขข้อสงสัยว่า เป็นสิวหนองบีบได้ไหม แล้วควรดูแลผิวอย่างไรไม่ให้เกิดสิวอักเสบและหลุมสิวตามมาในระยะยาว

สิวหัวหนองเกิดจากอะไร

เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มหรือก้อนที่มีหนองอยู่ภายใน ซึ่งเกิดจากการอักเสบของรูขุมขนที่ติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes โดยทั่วไปสิวหนองมักจะมีการสะสมของน้ำมัน, เซลล์ผิวที่ตายแล้วและแบคทีเรียภายในรูขุมขนที่ทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบจนกลายเป็นหนองในสิว

สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหัวหนอง

  • การอุดตันของรูขุมขนที่เกิดจากการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว, ความมัน (Sebum), และสิ่งสกปรกที่ไม่สามารถระบายออกจากรูขุมขนได้
  • การติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes ที่เติบโตและเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วโดยมีสิ่งสกปรกค้างเป็นแหล่งอาการชั้นดี
  • ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens) เพิ่มขึ้นในช่วงวัยรุ่นหรือช่วงมีประจำเดือน และไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันเพิ่มมากขึ้น ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวหนอง
  • สัมผัสกับมลพิษต่างๆ จากนอกบ้าน เช่น ฝุ่น ไวรัส สารเคมี แสงแดด ควันรถ
  • การใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน (Comedogenic)
  • ความเครียดสะสม กระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน
  • การบีบหรือแกะสิว ทำให้เชื้อแบคทีเรียจากเล็บมือกระจายไปยังผิวบริเวณรอบๆ สิว

ลักษณะของสิวหัวหนอง

  • มีตุ่มหัวขาวหรือก้อนคล้ายหนองอยู่ภายใน
  • เกิดอาการบวมและแดงที่ผิวหนังบริเวณรอบๆ สิว บางครั้งอาจรู้สึกเจ็บหรือคัน
  • เนื้อสิวจะนูนออกมาจากผิว
  • สิวหนองจะมีอาการอักเสบและเจ็บปวดมากกว่าสิวทั่วไป
  • สิวหนองที่ไม่ได้รับการรักษาหรือถูกบีบอาจทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวเอาไว้

สิวหัวหนอง บีบได้ไหม

การบีบสิวหัวหนองไม่ใช่ทางเลือกที่ดีและควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการบีบสิวสามารถทำให้เกิดผลเสียหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น

  • เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มเติม สิวหัวหนองอาจกลายเป็นการติดเชื้อที่ลุกลามได้ หากเชื้อแบคทีเรียในหนองกระจายไปยังบริเวณผิวอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อมีการบีบสิวหรือการสัมผัสสิวด้วยมือที่ไม่สะอาด
  • เกิดแผลเป็นหรือหลุมสิว การบีบสิวหัวหนองหรือปล่อยให้สิวหายเองโดยไม่ดูแลอย่างถูกต้องอาจทำให้เกิดการอักเสบลึกลงไปในชั้นผิวจนกลายเป็นแผลเป็นและหลุมสิวถาวร ซึ่งรักษาได้ยากและใช้เวลานาน
  • อาจลุกลามเป็นสิวที่รุนแรงกว่า หากไม่รักษาสิวหัวหนองให้ดีและตรงจุด สิวมักจะเพิ่มจำนวนหรือขยายขนาดไปยังบริเวณอื่น ทำให้สิวรุนแรงขึ้นและเป็นปัญหาผิวที่รักษายากขึ้นกว่าเดิม
  • อาการปวดและระคายเคือง สิวหัวหนองอาจก่อให้เกิดอาการปวดบวมและมีผิวแดงบริเวณรอบๆ สิว ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หรือบางครั้งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองจากการสัมผัสสิวได้อีกด้วย

สิวหัวหนอง รักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง

1. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อ

  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบที่เกิดจากสิว โดยเฉพาะการฆ่าแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes ที่เป็นสาเหตุหลักของสิว
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกและลดการอุดตันในรูขุมขน
  • กรดอาซิลาอิก (Azelaic Acid) ช่วยลดการอักเสบและมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

2. ใช้ยาปฏิชีวนะ

  • ยาปฏิชีวนะที่ใช้เฉพาะที่ (Topical Antibiotics) ได้แก่ คลินดามัยซิน (Clindamycin) และเอริโทรมัยซิน (Erythromycin) ที่ช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อจากแบคทีเรีย
  • ยาปฏิชีวนะที่ใช้ทางปาก (Oral Antibiotics) กรณีที่มีสิวหัวหนองรุนแรง แพทย์อาจจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะทางปากอย่างเช่น เตตราไซคลิน (Tetracyclines) สำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ

3. ยาเรตินอล (Retinoid)

  • เรตินอยด์เฉพาะจุด (Topical Retinoids) ได้แก่ ทาซาโรตีน (Tazarotene) หรือ เรตินอยด์ (Retinoids) สำหรับลดการอุดตันของรูขุมขนและลดการเกิดสิวในระยะยาว
  • เรตินอยด์ชนิดรับประทาน (Oral Retinoids) เช่น อิซอตเตรติโนอิน (Isotretinoin) จะใช้เมื่อสิวหัวหนองรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาประเภทอื่น

4. การใช้ผลิตภัณฑ์ลดการผลิตน้ำมัน

  • มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (Non-comedogenic Moisturizer) เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ลดการผลิตน้ำมันมากเกินไป ซึ่งสามารถลดการอุดตันของรูขุมขน
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยควบคุมความมัน เช่น แป้งฝุ่นหรือมาส์กที่มีส่วนผสมของถ่านไม้ไผ่ ที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับความมันและรักษาสมดุลของผิวหน้า

5. เข้ารับการรักษากับแพทย์ผิวหนัง

หากสิวหัวหนองไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาหรือผลิตภัณฑ์ทั่วไป จำเป็นจะต้องพบแพทย์ผิวหนังเพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะทางปากหรือการรักษาด้วยการทำทรีตเมนต์เฉพาะทาง ทั้งนี้แพทย์อาจแนะนำให้ทำเลเซอร์รักษาสิว เช่น เลเซอร์ IPL (Intense Pulse Light) หรือเลเซอร์ CO2 (CO2 Laser) เพื่อลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว

6. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี

เริ่มจากล้างมือก่อนเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกสัมผัสกับผิวหน้าโดยตรง จากนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเหมาะสม เลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับสภาพผิวของคุณแล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อเปิดรูขุมขนและขจัดสิ่งสกปรกออก ในระหว่างนี้ให้นวดวนเบาๆ โดยใช้ปลายนิ้วนวดเป็นวงกลมให้ทั่วใบหน้า เป็นเวลา 20-30 วินาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขนและเช็ดหน้าเบาๆ ด้วยผ้าขนหนูสะอาดหรือทิชชู่สูตรอ่อนโยน โดยทำขั้นตอนนี้เป็นประจำ 2 ครั้งต่อวัน (เช้าและเย็น) เพื่อรักษาความสะอาดและสุขภาพผิวที่ดี ห่างไกลจากสิวหัวหนอง

7. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือบีบสิว

การบีบหรือแกะสิวหัวหนองนั้นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นหรือหลุมสิวได้ในระยะยาว อีกทั้งก่อให้เกิดการติดเชื้อลุกลามที่อาจเป็นอันตรายต่อบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย

ถ้าสิวหัวหนองหายแล้วกลายเป็นหลุมสิว ทำยังไงดี

ในกรณีที่คุณรักษาสิวหัวหนองหายแต่ยังมีหลุมสิวทิ้งไว้ต่างหน้า เราขอแนะนำ JUVGEN เทคนิคการรักษาหลุมสิวด้วยการฟื้นฟูผิวตัวเอง จาก Gentle Clinic ที่ถูกคิดค้นโดย จินเซฮุน (Dr. Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลี ผ่านการฉีด Co2 foam กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) อนุภาคเล็กลงไปในชั้นหนังแท้ใต้หลุมสิวเพื่อฉีกเซลล์เก่าทิ้งและกระตุ้นการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากขึ้นมาใหม่ภายใน 3-5 วัน เพื่อให้เกิดเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาเติมเต็มหลุมสิวให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนผิวบริเวณอื่นบนใบหน้าภายในการรักษาเพียงครั้งเดียว และหลังจากการรักษาประมาณ 30-60 วัน ตัวสารที่ฉีดเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากบริเวณหลุมสิว ส่งผลให้มีการเติมเต็มเนื้อเยื่ออย่างถาวร คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องกลับมารักษาซ้ำเป็นรอบที่สอง นอกจากจะไม่ต้องฉีดยาชาบรรเทาอาการเพราะตัวเครื่องมือถูกออกแบบสำหรับรักษาปัญหาผิวหน้าโดยเฉพาะ จึงไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งระหว่างและหลังการรักษาแล้ว ไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: JUVGEN คืออะไร ทำไมถึงตอบโจทย์การดูแลผิวหน้าของคนยุคใหม่

บทความที่น่าสนใจ

ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic

GentleClinic เราเป็นทีมแรกในไทยที่ใช้เครื่อง JuvGen รักษาหลุมสิวและร่องลึก โดยได้รับการเทรนโดยตรงจาก Dr.จิน (Jin Se-hun) เราพร้อมด้วยประสบการณ์และเทคนิคในการยิงหลุมที่ลึกและยากกว่าหลุมทั่วไป เช่น box scar ที่มีขอบแข็ง หลุมแผลเป็นลึกจากอีสุกอีใส ร่องพับลึกบนหน้าฝาก เป็นต้น เราจึงกล้าการันตีผลการรักษา จ่ายครั้งเดียวจบ เติมหลุมสิวจนเต็มโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGen

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ