อาการคันบริเวณน้องชายอาจเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนเคยเจอและส่วนใหญ่มักจะหายไปเองภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ แต่หากคุณยังรู้สึกคันแถมมีตุ่มใส ๆ ขนาดเล็ก หรือบริเวณที่คันนูนออกมาเป็นสีแดงจนปลายองคชาตมีผื่นแดง นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะความผิดปกติที่เกิดจากเชื้อราบริเวณน้องชายที่มีมากเกินไป แล้วมีสาเหตุมาจากอะไร ป้องกันได้ด้วยวิธีไหนบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันเลยครับ
ปลายองคชาตมีผื่นแดง เกิดจากอะไร
1. ผิวแพ้ง่าย
โดยทั่วไปแล้วผิวหนังมนุษย์ประกอบไปด้วยแบคทีเรีย จุลินทรีย์ และไวรัสชนิดดีในปริมาณที่มากกว่าจุลินทรีย์ชนิดไม่ดี แต่หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เชื้อจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีเจริญเติบโตมากเกินกว่าจุลินทรีย์ชนิดดี เช่น ดื่มน้ำน้อยเกินไป ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นเวลานาน นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ จัดการความเครียดได้ไม่ดีพอ หรือแม้แต่มีภาวะผิวแพ้ง่ายที่เกิดจากพันธุกรรมจากคนในครอบครัว ก็อาจทำให้จุลินทรีย์ในผิวไม่สมดุลและนำมาสู่ผิวแพ้ง่าย โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณน้องชายซึ่งเป็นจุดที่บอบบางอยู่แล้วก็ยิ่งแพ้ง่ายมากยิ่งขึ้น
2. การแพ้สารเคมี
รู้หรือไม่ว่าสารเคมีบางชนิดที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างครีมอาบน้ำ น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้าก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน ได้แก่ พาราเบน (Paraben) หรือสารกันบูด, ปรอท (Mercury) หรือสารที่ช่วยลดเสิว ผ้ากระ, สารเร่งความขาว (Hydroquinone) เป็นสารที่ลดการสร้างเมลานินที่ทำให้ผิวคล้ำลง, กรดเรติโนอิก (Retinoic acid) เป็นสารช่วยลดเลือกริ้วรอย และสเตียรอยด์ (Steroid) เป็นสารต้านอาการอักเสบของเนื้อเยื่อภายในร่างกาย
3. สวมใส่กางเกงในอับชื้นหรือใช้ซ้ำ
แม้ว่ากางเกงในจะมีชิ้นเล็ก ทำมาจากผ้าโปร่งสบาย แต่หากคุณตากผ้าในที่ร่มหรือเก็บกางเกงในไว้ในพื้นที่ที่อับชื้น เช่น ตากกางเกงในเอาไว้ในห้องน้ำ ถอดกางเกงในที่เปียกลงในตะกร้าผ้าซักทันทีโดยที่ไม่ผึ่งให้แห้งก่อน หรือแม้แต่วางตู้เสื้อผ้าไว้ใกล้พื้นที่อับชื้น เช่น ใกล้ห้องน้ำ ใกล้ระเบียงห้อง (ที่อาจเสี่ยงต่อการถูกฝนสาด) จนทำให้ตู้เสื้อผ้าอับชื้นและมีเชื้อราสะสมอยู่ในกางเกงในได้ง่ายขึ้น
4. ดูแลความสะอาดน้องชายไม่ดี
หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าการล้างน้องชายนั้นจะต้องรูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาดหัวองคชาตด้วย เลยล้าง ๆ ถู ๆ แค่ภายนอกเพียงอย่างเดียว ก็อาจทำให้เชื้อราแคนดิดาที่อยู่บริเวณผิวหนังหุ้มปลายเจริญเติบโตมากขึ้นและก่อให้เกิดการอักเสบตามมา หรือบางคนอาจรู้ว่าต้องรูดออกมาล้างด้วย แต่วิธีการทำความสะอาดนั้นอาจไม่ถนอมน้องชายสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการออกแรงถูเหมือนถูแขนถูขา หรืออาจใช้เล็บ/ของแหลมอื่น ๆ แกะขี้เปียกออกเอง จนน้องชายระบมหรืออักเสบตามมาได้เช่นกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: ทำความสะอาดอวัยวะเพศชายอย่างไรให้ถูกวิธี วันนี้เรามีคำตอบ
5. ติดเชื้อที่มาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
หากคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เช่น มีคู่นอนมากกว่า 1 คน, ใช้คู่นอนร่วมกับคนอื่น, ไม่สวมถุงยางอนามัย, มีท่วงท่าที่รุนแรงจนเกิดการฉีกขาดบริเวณอวัยวะเพศ, มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่อาจทำให้องคชาตมีผื่นแดงขึ้นมา เช่น ติดเชื้อ HPV (Human Papilloma Virus), เป็นโรคซิฟิลิสจากการติดเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมา พาลลิดัม (Treponema Pallidum) เป็นต้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: กามโรค ภัยร้ายที่ป้องกันได้ด้วยการดูแลน้องชายอย่างถูกวิธี
ปลายองคชาตมีผื่นแดง อาการเป็นอย่างไร
- มีผื่นแดงหรือรอยแผลบริเวณปลายองคชาต
- รอบ ๆ ผื่นมีขุยขาว ๆ
- บางรายอาจมีหนองร่วมด้วย
- รู้สึกปวดแสบ คันบริเวณปลายองคชาต
- ไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายออกมาได้
ปลายองคชาตมีผื่นแดง เจ็บมาก หายเองไหม
ขึ้นอยู่กับสาเหตุครับ หากเกิดจากการสวมใส่กางเกงในซ้ำ ไม่สะอาดพอ หรือแพ้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดกางเกงใน คุณอาจต้องเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ตากกางเกงในในที่โล่งแจ้ง ไม่ใส่กางเกงในซ้ำ หรือหากเกิดจากแมลงสัตว์กัดต่อย อาจต้องทายารักษาถึงจะหาย แต่หากมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียนั้นไม่สามารถหายได้เอง หากปล่อยไว้นานวันเข้าอาการก็จะยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนอาจเป็นอันตรายถึงขั้นต้องตัดน้องชายเพื่อรักษาอาการหรือหากเชื้อแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
ปลายองคชาตมีผื่นแดง ป้องกันได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
- ทำความสะอาดน้องชายอย่างถูกวิธี รูดหนังหุ้มปลายออกมาล้างทุกครั้ง ไม่ถูน้องชายแรงเกินไป
- ทำความสะอาดกางเกงในด้วยผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรอ่อนโยน
- เก็บกางเกงในไว้ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ทำความสะอาดน้องชายก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์
- มีคู่นอนเพียงคนเดียว ไม่ใช้คู่นอนร่วมกับคนอื่น
- ขลิบหนังหุ้มปลายออก เนื่องจากหนังหุ้มปลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อราบริเวณน้องชาย นอกจากจะช่วยลดกลิ่นอับแล้ว ยังลดการสะสมของเชื้อราที่เป็นสาเหตุของการอักเสบอีกด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: บริการขลิบ ขลิบไร้เลือด ขลิบคลิกเดียว แผลเรียบสวย ไร้เลือด
บทความที่น่าสนใจ
- สีองคชาติบ่งบอกปัญหาสุขภาพได้ หากเข้าใจอย่างตรงจุด
- หนังหุ้มปลายเป็นแผลแตกง่าย ทำไมขลิบถึงแก้ได้ที่ต้นเหตุ
- ติดเชื้อ HPV แล้วรักษาได้ไหม การขลิบป้องกันได้อย่างไร
ขลิบไร้เลือดครั้งเดียวในชีวิต ทำไมต้องขลิบกับ Gentle Clinic
แม้ว่าคลินิกขลิบส่วนใหญ่จะใช้วิธีขลิบไร้เลือดกันแล้ว แต่ที่ Gentle Clinic เรามีโปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) เป็นอุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า จึงช่วยเสริมประสิทธิภาพของการต้านการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ลดการอักเสบ ปวดบวม ฟกช้ำของกล้ามเนื้อ จึงไร้อาการปวดในทันทีและไร้อาการบวมอักเสบในวันต่อมา อีกทั้งช่วยเร่งสมานแผล ให้แผลแห้งไวภายใน 3 วัน ลดการติดเชื้อได้มากกว่า 90% จึงไม่ต้องพักฟื้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องทำแผลเองที่บ้าน โดยบริการนี้คนไข้จะได้รับทันทีที่ขลิบไร้เลือดเสร็จ ซึ่งจะช่วยบบรเทาอาการปวดที่จะเกิดขึ้นหลังการขลิบได้เป็นอย่างดี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: อุโมงค์ออกซิเจนคืออะไร ดีต่อการขลิบไร้เลือดอย่างไร
สำหรับใครที่กำลังมองหา คลินิกขลิบปลายผู้ใหญ่ มากประสบการณ์ การันตีด้วยจำนวนเคสสำเร็จและรีวิวความประทับใจจากลูกค้าจำนวนมาก เรา Gentle Clinic คือคำตอบ เพราะเราเป็นคลินิกเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทยที่นำเอาเครื่องขลิบแบบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ที่มีความแม่นยำสูงมาใช้ในการรักษา ทำให้ใช้เวลาขลิบและเย็บแผลเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บหลังการรักษาได้มากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์สูง สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถรับแก้เคสขลิบแผลไม่สวยงามจากการขลิบที่อื่น คลินิกของเราพร้อมให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 15 สาขา มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://bit.ly/Gentle4Men
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand
รีวิวขลิบไร้เลือดจาก Gentle Clinic
ดูรีวิวเต็ม ๆ ได้ที่ ลิงก์นี้