ยังมีอีกหลายคนที่กำลังประสบปัญหาสิวผู้ใหญ่อยู่ดี แม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่แล้วก็ตาม จริงอยู่ที่สิวในวัยนี้อาจจะไม่ได้เห่อขึ้นเหมือนวัยรุ่น แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิวประเภทนี้กลับหายยากกว่าสิววัยรุ่นอยู่พอสมควร ว่าแต่สิวประเภทนี้เกิดจากอะไร แตกต่างจากสิววัยรุ่นอย่างไร แล้วมีวิธีดูแลใบหน้าอย่างไรให้ห่างไกลจากสิว เรามีคำตอบครับ
สิวผู้ใหญ่ คืออะไร
เป็นสิวที่เกิดขึ้นในช่วงวัยผู้ใหญ่ ส่วนมากจะเป็นสิวอักเสบลึกใต้ผิว (Cystic Acne) มักเกิดขึ้นบริเวณกราม คาง และลำคอ ซึ่งเป็นจุดที่เกิดสิวง่ายอยู่แล้ว แม้จะไม่มีสิวเห่อขึ้นบ่อยเหมือนช่วงวัยรุ่น แต่กลับใช้ระยะเวลาในการรักษาหรือฟื้นฟูผิวที่นานกว่า เนื่องจากร่างกายจะผลิตคอลลาเจนในผิวลดลงในช่วงวัยผู้ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิวประเภทนี้จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น เพราะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนเริ่มคงที่แล้ว แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้นก็อาจต้องปรับพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เพื่อรักษาสิวประเภทนี้
สิวผู้ใหญ่ มีกี่แบบ อะไรบ้าง
1. สิวเล็กน้อยหรือสิวไม่รุนแรง (Mild Acne)
เป็นสิวหัวขาว (Whiteheads) และสิวหัวดำ (Blackheads) ที่เกิดขึ้นเพียงบางจุดของร่างกาย เช่น หน้าผาก, จมูก, คาง ส่วนระดับความรุนแรงของสิวประเภทนี้จะไม่รุนแรงมาก สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าสิวแบบอื่น
2. สิวปานกลาง (Moderate Acne)
เป็นสิวอักเสบ (Papules) และสิวหัวหนอง (Pustules) จำนวนมากที่กระจายอยู่ทั่วใบหน้า บางรายอาจลุกลามไปถึงลำคอหรือแผ่นหลัง หากดูแลไม่ดีก็อาจทิ้งรอยดำหรือรอยแดงเอาไว้ รวมถึงอาจมีอาการเจ็บปวดหรือระคายเคืองร่วมด้วย
3. สิวรุนแรง (Severe Acne)
เป็นสิวขนาดใหญ่ เช่น สิวหัวช้าง (Nodules) หรือสิวซีสต์ (Cystic Acne) ที่อาจมีอาการบวมแดงและเจ็บปวดมากในคนไข้บางราย โดยสิวประเภทนี้สามารถกระจายตัวไปในวงกว้างทั้งใบหน้าและร่างกายส่วนอื่น เช่น แผ่นหลัง, หน้าอก, หัวไหล่ หากเกิดสิวประเภทนี้และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ก็อาจเกิดแผลเป็นถาวรที่อาจส่งผลต่อความมั่นใจได้ด้วยเช่นกัน
สิวผู้ใหญ่ เกิดจากอะไร
1. ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมีผลต่อการเกิดสิวผู้ใหญ่ได้ ยกตัวอย่างเช่น รอบประจำเดือน เป็นช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น ในช่วงไข่ตกจะมีการผลิตฮอร์โมนลูทีไนซิง (Luteinizing Hormone) และโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น และช่วงลูเทียล (หลังไข่ตก) เป็นช่วงที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้นและกระตุ้นให้ต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น อีกทั้งส่งเสริมให้แบคทีเรีย Cutibacterium acnes (P. acnes) เติบโตมากขึ้น หรือแม้แต่ช่วงประจำเดือนที่ทำให้ระดับฮอร์โมนทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดต่ำลง ซึ่งไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยสิวที่เกิดในช่วงที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นบริเวณกราม คาง และลำคอ เนื่องจากเป็นบริเวณที่ไวต่อฮอร์โมนแอนโดรเจน
2. ภาวะความเครียด
เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดสิวผู้ใหญ่ได้เช่นกัน เนื่องจากความเครียดมีผลต่อระบบร่างกายและผิวหนังในหลายด้านๆ ได้แก่
- ความเครียดจะกระตุ้นการปล่อยสารไซโตไคน์ (Cytokines) ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ทำให้ผิวอักเสบง่ายและรุนแรงยิ่งขึ้น
- ความเครียดส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) หรือฮอร์โมนเพศชายที่ไปกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันที่ผิวมากขึ้น
- ความเครียดกระตุ้นให้ทำพฤติกรรมเสี่ยงที่ไปกระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้น เช่น การสัมผัสผิวหน้ามากขึ้น นอนหลับยาก หรือรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงเพื่อแก้เครียด
- ความเครียดเรื้อรังจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ผิวติดเชื้อง่ายขึ้น
3. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไม่เหมาะสม
ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยสังเกตว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่กำลังใช้อยู่นั้นกำลังทำร้ายผิวหน้าของคุณโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากบางผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของสารบางชนิดที่มากเกินไปจนอุดตัะนรูขุมขนจนกลายเป็นสิว ได้แก่ น้ำมันอย่าง Mineral Oil และ Coconut Oil, ซิลิโคนอย่าง Dimethicone และ Cyclopentasiloxane หรือมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เช่น แอลกอฮอล์ (Alcohol Denat), น้ำหอม (Fragrance) ซัลเฟต (SLS) หรือแม้แต่การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะกับผิวหน้าของตัวเอง เช่น คุณเป็นคนผิวมัน แต่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีน้ำมันมากเกินไป หรือคุณเป็นคนผิวแห้ง แต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เติมความชุ่มชื้นได้ไม่ดีพอ รวมถึงการคลีนซิ่งที่แรงเกินไปด้วยเช่นกัน
4. พฤติกรรมการใช้ชีวิต
พฤติกรรมบางอย่างที่เราทำทั้งโดยรู้และไม่รู้ตัวนั้นล้วนมีผลต่อการเกิดสิวผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับที่น้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงต่อวัน การจัดการความเครียดได้ไม่ดีพอจนกระทบต่อการใช้ชีวิต การล้างหน้าน้อยหรือมากเกินไป การสัมผัสผิวหน้าบ่อยๆ การอยู่ที่พื้นที่กลางแจ้งเป็นเวลานานโดยไม่สวมอุปกรณ์หรือทาครีมกันแดด การรับประทานอาหารกระตุ้นสิว เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือ GI (High Glycemic Index), อาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูง, ผลิตภัณฑ์จากนม (Dairy Products), ช็อกโกแลต (โดยเฉพาะช็อกโกแลตหวาน), อาหารแปรรูปและฟาสต์ฟู้ด, อาหารที่มีไอโอดีนสูง หรือแม้แต่การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นประจำ
ทำไมสิวผู้ใหญ่ รักษายากกว่าสิววัยรุ่น
เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ (Skin Cell Turnover) จะทำงานช้าลงจากช่วงวัยรุ่นที่ผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 28-35 วัน แต่เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จะมีการผลัดเซลล์ผิวที่นานถึง 40-60 วัน ส่งผลให้สิ่งสกปรกและน้ำมันไปอุดตันรูขุมขนจนกลายเป็นสิวง่ายขึ้น นอกจากนี้คอลลาเจนในผิวหนังจะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป ส่งผลให้ผิวยืดหยุ่นน้อยลง อีกทั้งไปลดความสามารถในการกักเก็บน้ำของผิว ทำให้ผิวแห้งง่ายขึ้น เมื่อผิวแห้งง่ายก็จะมีผลต่อกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของผิวหนังที่ช้าลง ทำให้สิวหายช้าลง และที่สำคัญในวัยผู้ใหญ่ยังเกิดภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ หรือฮอร์โมนแอนโดรเจนสูงเกินไป ส่งผลทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (Sebum) และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของสิวบ่อยขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังรวมไปถึงภาวะความเครียดที่มากขึ้นจากความรับผิดชอบในหน้าที่การงานหรือความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้างที่กระตุ้นให้กระบวนการรักษาสิวช้าลงด้วยครับ
สิวผู้ใหญ่ รักษาอย่างไรบ้าง
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลผิว
- ล้างหน้าอย่างถูกวิธีวันละ 2 ครั้ง โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง กรณีที่จำเป็นต้องแต่งหน้า แนะนำให้ใช้เครื่องสำอางสูตรไม่อุดตันรูขุมขน (Non-Comedogenic) และล้างออกให้สะอาดทุกครั้งก่อนเข้านอนหรือทำกิจกรรมเสร็จ
- สครับผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอุดตันของรูขุมขน โดยสครับที่ใช้ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวด้วย หากผิวมัน เป็นสิวง่าย ให้ใช้สครับสูตรอ่อนโยน ส่วนผสมของ Salicylic Acid มีเม็ดบีดเล็กๆ แต่หากผิวแห้งง่าย ให้ใช้สครับเนื้อครีมหรือเจลที่เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า เช่น สครับที่มี Aloe Vera หรือ Hyaluronic Acid แต่หากคุณจำเป็นต้องเผชิญมลภาวะบ่อยหน่อย แนะนำให้สครับเพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
- เช็ดหน้าอย่างอ่อนโยนด้วยผ้าขนหนูเนื้อนุ่มหรือทิชชูสำหรับเช็ดหน้า (Facial Tissue) และควรเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าทุกๆ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หลีกเลี่ยงการถูหน้าแรงๆ เพื่อป้องกันการระคายเคืองจนทำให้เกิดสิว หากหน้ามันหรือมีเหงื่อไหลบ่อย ให้ใช้กระดาษซับมันหรือน้ำเปล่าล้างหน้าแทน
2. ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว
ด้วยการยาทาเฉพาะจุด (Topical Treatments) เช่น Benzoyl Peroxide, Salicylic Acid, Retinoids, ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรบางเบาและไม่อุดตัน เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ที่มี Hyaluronic Acid, ใช้ครีมกันแดดสูตรน้ำหรือเจลที่ไม่ก่อให้เกิดสิว
3. การรักษาโดยแพทย์
ด้วยยาคุมกำเนิดสำหรับรักษาสิวหรือยารักษาสิวที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น Spironolactone เพื่อลดฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกาย หรืออาจใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น Doxycycline หรือ Minocycline สำหรับสิวอักเสบรุนแรง กรณีที่สิวอักเสบรุนแรง จำเป็นจะต้องรักษาด้วย Isotretinoin, ฉีดยาสเตียรอยด์ หรือรักษาด้วยเลเซอร์
4. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- ลดการรับประทานอาหารที่กระตุ้นการเกิดสิว เช่น น้ำตาล อาหารแปรรูป แล้วเพิ่มการทานผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างผักใบเขียวและแครอท
- ดื่มน้ำให้มากขึ้นวันละ 8 แก้ว เพื่อขับล้างสารพิษและเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
- นอนหลับพักผ่อน 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- ทำกิจกรรมแก้เครียด เช่น วาดรูป อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ เล่นโยคะ
- งดแกะสิวหรือสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ หากต้องการจะสัมผัส ให้ล้างมือหรือใช้ผ้าสัมผัสแทน
รักษาหลุมสิวลึกด้วยวิธีไหนดี
หากคุณกำลังประสบปัญหาหลุมสิวจากการเป็นสิวผู้ใหญ่ พยายามแก้ยังไงก็ไม่หาย แถมมีหลุมสิว JUVGEN เทคนิคการรักษาหลุมสิวด้วยการฟื้นฟูผิวตัวเอง จาก Gentle Clinic ที่ถูกคิดค้นโดย ดร.จินเซฮุน (Dr. Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลี ด้วยวิธีการฉีด Co2 foam กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) อนุภาคเล็กลงไปในชั้นหนังแท้ใต้หลุมสิวเพื่อฉีกเซลล์เก่าที่เป็นหลุมสิวทิ้ง หลังจากนั้นจะกระตุ้นการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากขึ้นมาใหม่ใน 3-5 วัน เพื่อสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาเติมเต็มหลุมสิวให้เรียบเนียนภายในการรักษาเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นจะค่อยๆ เห็นผลขึ้นประมาณ 30-60 วัน เนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากบริเวณหลุมสิว ส่งผลให้มีการเติมเต็มเนื้อเยื่ออย่างถาวร คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องกลับมารักษาซ้ำอีกเป็นรอบสอง
นอกจากนี้ตัวเครื่องจูวีเจนถูกออกแบบสำหรับรักษาปัญหาผิวหน้าโดยเฉพาะ คนไข้จึงไม่ต้องฉีดยาชาบรรเทาอาการเพราะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งระหว่างและหลังการรักษาแล้ว และที่สำคัญยังไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: JUVGEN ดียังไง ทำไมถึงเติมเต็มหลุมสิวลึกถาวร ภายในครั้งเดียว
บทความที่น่าสนใจ
- รวมทุกปัญหาผิวหน้าที่คุณควรรู้ ก่อนผิวโทรมจะถามหา
- หยุดปัญหาสิวไม่หายสักที เพียงแค่แก้จากสาเหตุต่อไปนี้
- ฉีดหลุมสิว ดีจริงไหม ทำไม JUVGEN ถึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic
GentleClinic เราเป็นทีมแรกในไทยที่ใช้เครื่อง JuvGen รักษาหลุมสิวและร่องลึก โดยได้รับการเทรนโดยตรงจาก Dr.จิน (Jin Se-hun) เราพร้อมด้วยประสบการณ์และเทคนิคในการยิงหลุมที่ลึกและยากกว่าหลุมทั่วไป เช่น box scar ที่มีขอบแข็ง หลุมแผลเป็นลึกจากอีสุกอีใส ร่องพับลึกบนหน้าฝาก เป็นต้น เราจึงกล้าการันตีผลการรักษา จ่ายครั้งเดียวจบ เติมหลุมสิวจนเต็มโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGen
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://page.line.me/gentleclinic
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand