แม้ว่าสิวหัวดำโดยทั่วไปจะไม่ก่อให้เกิดหลุมสิวเหมือนหลุมสิวประเภทอื่น แต่ยังมีอีกหลายคนที่มีปัญหาหลุมสิวตามมาจากสิวประเภทนี้ได้เช่นกัน ว่าแต่สิวประเภทนี้คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง มีวิธีดูแลและป้องกันอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำๆ วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังครับ
สิวหัวดำคืออะไร
เป็นสิวที่มีลักษณะคล้ายจุดสีดำๆ ขนาดเล็กประมาณ 0.1-3 มิลลิเมตร อยู่บนผิวหน้าที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตัวเปล่า ส่วนมากพบได้บริเวณที่มีรูขุมขนกว้างอย่างเช่น จมูก คาง หน้าผาก โดยมีสาเหตุมาจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วไปอุดตันอยู่ที่รูขุมขนจนกลายเป็นหัวสิวสีเหลือง แต่เมื่อสิวสัมผัสกับอากาศเป็นเวลานานก็จะเกิดการออกซิไดซ์จากการทำปฎิกิริยาระหว่างไขมัน, เคราตินและออกซิเจนในอากาศจนหัวสิวกลายเป็นสีดำ
สิวประเภทนี้แตกต่างจากสิวประเภทอื่นตรงที่ไม่มีเชื้อโรคหรือแบคทีเรียสะสมจึงไม่เกิดการอักเสบและไม่รู้สึกเจ็บเลย ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหัวดำมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายในช่วงมีประจำเดือนหรือช่วงวัยรุ่น, พันธุกรรม, นอนหลับพักผ่อนน้อยเกินไป, การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง, การจัดการความเครียดไม่ดีพอ รวมถึงเป็นผลข้างเคียงจากการรับประทานยาสเตียรอยด์อีกด้วย
ลักษณะของสิวหนอง
- มีจุดสีดำขนาดเล็กบริเวณที่เกิดสิว
- ไม่มีการอักเสบบริเวณสิว จึงไม่รู้สึกเจ็บ
- สิวมีขนาดเล็ก เป็นหลุมตื้น ไม่สามารถยุบตัวได้ทันทีที่ทำความสะอาด
- สิวไม่บวมแดงเหมือนสิวประเภทอื่น แต่สิวจะเป็นจุดดำและแห้ง
- สิวมักเกิดขึ้นบริเวณ T-zone ได้แก่ จมูก, หน้าผาก, คาง, กราม
สิวหัวดำเกิดขึ้นบริเวณอื่นได้ไหม
นอกจากบริเวณ T-zone ได้แก่ จมูก, หน้าผาก, คางและกรามแล้ว ยังพบสิวหัวดำบริเวณอื่นของร่างกายได้อีกด้วย ได้แก่ บริเวณแผ่นหลังและหน้าอก เกิดจากการสวมใส่เสื้อผ้าที่แน่นเกินไปหรืออับชื้น, พันธุกรรม หรือฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเช่นกัน
สิวหัวดำ อันตรายไหม
แม้ว่าสิวหัวดำจะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดหรืออักเสบบริเวณที่เป็นสิว แต่หากคุณปล่อยปละละเลย ไม่รีบรักษา ก็อาจทำให้สิวพัฒนากลายเป็นสิวหัวหนองหรือสิวซีสต์ที่นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้แล้ว ยังทิ้งรอยแผลหลังจากสิวหายอีกด้วย นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนจนกลายเป็นปัญหาสิวซ้ำซ้อนได้ด้วยเช่นกัน
ทำไมสิวหัวดํา บีบไม่ออก
เนื่องจากสิวหัวดำอุดตันอยู่ลึกลงไปในรูขุมขน ไม่ได้อุดตันอยู่ที่ผิวหนังชั้นบนสุด และที่สำคัญสิวประเภทนี้จะมีขนาดเล็กมากจนยากต่อการบีบออก จึงทำให้หลายคนไม่สามารถบีบออกได้เอง แต่ถึงอย่างไรก็ดีการบีบสิวด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสิวแบบไหนก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำนะครับ เพราะนอกจากจะทำให้สิวอักเสบรุนแรงยิ่งขึ้นแล้ว ยังทำให้การอุดตันแย่ลงอีกด้วย
สิวหัวดำ รักษาด้วยวิธีไหนบ้าง
1. ใช้ยารักษาสิวหัวดำ
- ยาทา (Topical Treatments) ได้แก่ กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) พบได้ในคลีนเซอร์ โลชั่น เซรั่ม หรือครีมบำรุงผิว, เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) พบได้ในครีมทาสิว เจล และคลีนเซอร์, เรตินอยด์ (Retinoids) หรืออะดาพาเลน (Adapalene), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide), กรด AHA (Alpha Hydroxy Acid) หรือกรดผลไม้, กรดแลคติก (Lactic Acid) หรือ กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid)
- ยาทาน (Oral Medications) ได้แก่ยาปฏิชีวนะ เช่น โดซิโซไซคลิน (Doxycycline), มิเนไซคลิน (Minocycline) แต่หากมีปัญหาสิวจากฮอร์โมน จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดหรือยาอื่นๆ ที่ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน
2. การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์
- การรักษาด้วยเลเซอร์หรือแสง ได้แก่ เลเซอร์ CO2, เลเซอร์ IPL, ฉายแสง LED ที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ภายในรูขุมขนและปรับปรุงสภาพผิวให้ดีขึ้นไปในตัว
- การผลัดผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peels) เป็นการใช้กรดเพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและทำความสะอาดรูขุมขน แม้จะช่วยได้จริงแต่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว (ลอกผิวคืออะไร อันตรายไหม ทำไมถึงห้ามรักษาหลุมสิวด้วยวิธีนี้)
3. ใช้เครื่องมือกดสิวทางการแพทย์
แม้ว่าการบีบสิวจะทำให้สิวอักเสบง่ายขึ้น แต่หากคุณต้องการกำจัดสิวหัวดำจริงๆ เราขอแนะนำให้กดสิวด้วยเครื่องมือกดสิวทางการแพทย์ (Comedone Extractor) ภายใต้การดูแลจากแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญ ที่นอกจากจะออกสิวหัวดำออกแล้วยังไม่ทิ้งรอยแผลเอาไว้อีกด้วย แต่ทั้งนี้คุณควรระมัดระวังด้วยว่าผู้ที่ทำการรักษามีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน เพราะวิธีนี้อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้หากเครื่องมือที่ใช้ไม่สะอาดพอ นอกจากนี้ยังทำลายผิวหนังได้ง่ายหากใช้เครื่องมือผิดวิธีหรือออกแรงกดมากเกินไป
ถ้าสิวหัวดำหายแล้ว แต่ยังเป็นหลุมสิว ทำยังไงดี
ในกรณีที่คุณรักษาสิวหัวดำหายไปได้แล้วแต่ยังมีหลุมสิวทิ้งไว้ต่างหน้ เราขอแนะนำ JUVGEN เทคนิคการรักษาหลุมสิวด้วยการฟื้นฟูผิวตัวเอง จาก Gentle Clinic ที่ถูกคิดค้นโดย จินเซฮุน (Dr. Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลี ผ่านการฉีด Co2 foam กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) อนุภาคเล็กลงไปในชั้นหนังแท้ใต้หลุมสิวเพื่อฉีกเซลล์เก่าทิ้งและกระตุ้นการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากขึ้นมาใหม่เพื่อเติมเต็มหลุมสิวทันทีหลังการรักษา และหลังจากการรักษาประมาณ 30-60 วัน ตัวสารที่ฉีดเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากบริเวณหลุมสิว ส่งผลให้มีการเติมเต็มเนื้อเยื่ออย่างถาวร คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องกลับมารักษาซ้ำเป็นรอบที่สอง เพื่อให้เกิดเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาเติมเต็มหลุมสิวให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนผิวบริเวณอื่นบนใบหน้าภายในการรักษาเพียงครั้งเดียว นอกจากจะไม่ต้องฉีดยาชาบรรเทาอาการเพราะตัวเครื่องมือถูกออกแบบสำหรับรักษาปัญหาผิวหน้าโดยเฉพาะ จึงไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งระหว่างและหลังการรักษาแล้ว ไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: JUVGEN คืออะไร ทำไมถึงตอบโจทย์การดูแลผิวหน้าของคนยุคใหม่
ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic
GentleClinic เราเป็นทีมแรกในไทยที่ใช้เครื่อง JuvGen รักษาหลุมสิวและร่องลึก โดยได้รับการเทรนโดยตรงจาก Dr.จิน (Jin Se-hun) เราพร้อมด้วยประสบการณ์และเทคนิคในการยิงหลุมที่ลึกและยากกว่าหลุมทั่วไป เช่น box scar ที่มีขอบแข็ง หลุมแผลเป็นลึกจากอีสุกอีใส ร่องพับลึกบนหน้าฝาก เป็นต้น เราจึงกล้าการันตีผลการรักษา จ่ายครั้งเดียวจบ เติมหลุมสิวจนเต็มโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGen
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://page.line.me/gentleclinic
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand