หลายคนอาจมองว่าอาการเจ็บน้องชายเป็นเรื่องไกลตัว บางคนอาจเจ็บเพียงขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือบางอาจคนอาจเจ็บหรือรู้สึกแสบขัดขณะปัสสาวะบ้างเป็นบางครั้ง แต่ในความเป็นจริงแล้วอาการเจ็บบ่อยถือว่าเป็นความผิดปกติของร่างกาย หากละเลยการดูแลน้องชาย ปล่อยทิ้งไว้นานเพราะคิดว่าอาการปวดคงจะหายไปเองในไม่กี่วัน อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพน้องได้ในอนาคต วันนี้เราจะพูดถึงสาเหตุ ผลข้างเคียง และวิธีรักษาภาวะดังกล่าวกันครับ
เจ็บน้องชายบ่อย เกิดจากอะไร
โดยทั่วไปภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อน้องชายได้รับการกระทบกระแทกอย่างรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บ แต่หากไม่ได้อุบัติเหตุใด ๆ แต่มีอาการเจ็บขึ้นมา อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการละเลยการดูแลทำความสะอาดน้องชายหรืออาจทำความสะอาดแบบผิด ๆ เช่น ใช้น้ำจากฝักบัวฉีดใส่น้องชายอย่างเต็มแรง, ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่เหมาะต่อผิวของน้องชาย, การไม่ได้รูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาด, การล้างน้องชายแรงเกินไป ฯลฯ จนทำให้เชื้อยีสต์แคนดิดาที่อยู่ตามหนังหุ้มปลายสะสมในปริมาณมากเกินไปและก่อให้เกิดการอักเสบตามมา นอกจากนี้ยังเกิดจากการป่วยเป็นโรคเบาหวานหรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจนไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้, การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยจนเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, การแพ้สารในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดน้องชายหรือผลิตภัณฑ์ซักเสื้อผ้า รวมถึงเกิดจากโรคผิวหนังบางชนิดที่ทำให้หนังหุ้มปลายอักเสบ เช่น โรคสะเก็ดเงิน, โรคมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
เจ็บน้องชายบ่อยบริเวณไหนบ้าง
1. ปวดบริเวณหัวน้องชาย
หากคนไข้รู้สึกปวดน้องชายไม่มากอาจมีเพียงอาการคันและผิวน้องชายแดงเล็กน้อย อาจเกิดจากน้องชายถูกดเสียดสีเป็นประจำ, ใส่กางเกงในหรือกางเกงรัดรูป, อับชื้นจากเหงื่อ จนทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนังหรือเกิดการการอักเสบแบบทั่วไป แต่หากมีแผลหรือหนองไหล บางรายอาจมีอาการปวดร้าวจากนิ่วที่ไต หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ อาจเกิดจากน้องชายอักเสบจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มาจากการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน (ไม่สวมถุงยางอนามัย) เช่น โรคหนองในแท้ โรคเริม โรคซิฟิลิส ฯลฯ
2. ปวดอัณฑะไปถึงขาหนีบ
เกิดจากลูกอัณฑะอักเสบอันเนื่องมาจากเส้นเลือดขอดบริเวณอัณฑะ หรือเส้นเลือดขอด บางรายอาจมีอาเจียน, ไส้เลื่อน, ไส้บิด, อัณฑะบิดร่วมด้วย ซึ่งต้องรักษาด้วยการทานยาแก้ปวดหรือการผ่าตัดเพื่อยับยั้งเลือดที่จะไหลเวียนไปยังหลอดเลือดขอด แต่บางรายอาจเกิดอาการปวดรุนแรงบริเวณผิวหนังระหว่างอัณฑะกับร่องก้น อาจเกิดจากภาวะต่อมลูกหมากอักเสบซึ่งต้องรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะและยารักษาตามอาการ
3. ปวดน้องชายทั้งแท่ง
หากคนไข้รู้สึกปวด แสบขัดขณะปัสสาวะ บางรายอาจมีปัสสาวะปนเลือดร่วมด้วย เกิดจากโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะหรือน้องชายเกิดการอักเสบ หรือบางรายอาจมีเลือดออกแต่ไม่มีอาการปวดจะเกิดจากโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
4. ปวดเมื่อน้องชายแข็งตัว
หากคนไข้รู้สึกปวดขณะที่น้องชายแข็งตัวหรือขณะมีเพศสัมพันธ์ ต้องรีบพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็วที่สุด แม้จะเป็นภาวะอันตรายแต่ก็สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา ทั้งนี้คนไข้บางรายอาจมีเลือดค้างมาก ต่อให้ฉีดยาคลายกล้ามเนื้อแล้วยังไม่หายดี อาจต้องรักษาด้วยการใช้เข็มสะกิดระบายเลือดออก ทั้งนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะปลายประสาทอักเสบหรือภาวะทางจิต
อาการที่เกิดขึ้นจากการเจ็บน้องชายบ่อย
- คันน้องชายบ่อย ๆ
- ปัสสาวะแสบขัด
- ปัสสาวะเป็นเลือดร่วม
- ปวดน้องชายเมื่อแข็งตัว หรือขณะมีเพศสัมพันธ์
- ปวดบริเวณหัวน้องชายและอัณฑะ
- ปวดร้าวบริเวณน้องชายและขาหนีบ บางรายอาจปวดจนถึงขั้นขยับตัวไม่ได้
- มีแผล หรือหนองไหลออกจากน้องชาย
- ท้องเสีย ท้องผูก บางรายอาจมีอาเจียนร่วมด้วย
ผลข้างเคียงจากการเจ็บน้องชายบ่อย
- ไส้เลื่อน
- อัณฑะอักเสบ
- เส้นเลือดอัณฑะขอด
- ต่อมลูกหมากอักเสบ
- ปลายประสาทอักเสบ
- อวัยวะเพศอักเสบ
- โรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
- โรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
- โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
เจ็บน้องชาย รักษาอย่างไร
1. ทำความสะอาดน้องชายให้ถูกวิธี
ด้วยการตีสบู่หรือผลิตภัณฑ์สำหรับล้างน้องชายลงบนมือแล้วตีให้เป็นฟอง จากนั้นถูให้ทั่วน้องชายโดยเริ่มตั้งแต่ส่วนโคนก่อนแล้วค่อยไล่ลงไปรูดหนังหุ้มปลายเข้าหาตัวเพื่อเปิดหัวองคชาตออกมาทำความสะอาด จากนั้นค่อยถูหัวองคชาตและหนังหุ้มปลายด้านนอกและด้านในอย่างเบามือ เพื่อกำจัดขี้เปียกตามหนังหุ้มปลายออก ที่สำคัญไม่ควรใช้ฝักบัวฉีดแรง ๆ ไปยังน้องชายโดยตรง เพราะอาจเกิดบาดแผลหรือเกิดการระคายเคือง ทั้งนี้แนะนำให้ราดน้ำเบา ๆ จากลำตัวไหลลงไปหาน้องชายแทน เมื่อล้างเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าขนหนูซับน้องชายให้แห้งเพื่อป้องกันการอับชื้นจนเกิดปัญหาน้องชายได้ครับ
นอกจากนี้อย่าลืมเล็มขนน้องชายให้สั้นนะคะ เพราะหากมีขนน้องชายมากเกินไป อาจเสี่ยงต่อการอับชื้นง่ายขึ้น เพราะไม่มีพื้นที่ให้ระบายอากาศเลย ไหนจะสารคัดหลั่งอย่างน้ำปัสสาวะหรือเหงื่อไคลอีกด้วยครับ และขนที่ขึ้นมาจะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและนำมาสู่ปัญหาสุขภาพน้องชายในเวลาต่อมา ทางเราแนะนำให้ตัดสั้นพอประมาณและใช้กรรไกรเล่มนั้นเล่มเดียวในการตัดขนน้องชายโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้กรรไกรเล่มนั้นไปตัดสิ่งของอื่นร่วมด้วยเพราะอาจเสี่ยงต่อการสัมผัสสิ่งสกปรกมาปนเปื้อนมากับกรรไกรจนก่อให้เกิดการติดเชื้อ ทั้งนี้ขอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่น้องชายที่ปราศจากแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการระคายเคืองหลังการโกนจะดีต่อน้องชายมากเลยครับ
2. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
เริ่มต้นจากการทำความสะอาดน้องชายทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์, สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์, ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยหรือมีเพศสัมพันธ์มากกว่า 1 คน ซึ่งวิธีเหล่านี้จะช่วยป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในหนังหุ้มปลาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดน้องชายจากการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
3. เลือกใส่กางเกงในที่ดีต่อสุขภาพน้องชาย
ใส่กางเกงที่สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่คับแน่นจนเกินไปจนเหงื่อไหลลงไปหาน้องชายเยอะเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้น้องชายเกิดการระคายเคืองและอักเสบตามมา
4. ขลิบรักษาความสะอาด
หลายคนอาจยังไม่รู้มาก่อนว่าหนังหุ้มปลายจะต้องเปิดออกเองโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดน้องชายแต่อย่างใด และคิดว่าหนังหุ้มปลายไม่เปิดนั้นเป็นเรื่องปกติ จนละเลยการทำความสะอาดหัวองคชาตที่อยู่ภายในหนังหุ้มปลายเลยสักครั้ง หรืออย่างบางคนอาจกำลังประสบปัญหารูดหนังหุ้มปลายออกมาไม่ได้ พยายามรูดเท่าไหร่ก็รู้สึกเจ็บทุกครั้ง ก็จะต้องรีบรักษาปัญหาหนังหุ้มปลายตีบโดยด่วน สำหรับใครที่ทายารักษาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็จะต้องรักษาด้วยการขลิบไร้เลือด เป็นวิธีการผ่าตัดเอาหนังหุ้มปลายออกด้วยเครื่องขลิบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Staple Circumcision) ที่มีความแม่นยำสูง สามารถตัดหนังหุ้มปลายออกและเย็บแผลด้วยกลัดอลูมิเนียมภายใน 10 – 15 นาที เพียงแค่คลิกเดียว ทำให้เนื้อเยื่อบอบช้ำ แผลจึงแห้งไว หายเร็วภายใน 1 – 2 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับการดูแลแผลของคนไข้)
บริการขลิบ ขลิบไร้เลือด ขลิบคลิกเดียว แผลเรียบสวย ไร้เลือด
บทความที่น่าสนใจ
- คันน้องชายบ่อย ๆ อันตรายมั้ย ดูแลอย่างไรให้ถูกวิธี
- หลั่งไวเกิดจากอะไร มีวิธีชะลอการหลั่งได้อย่างไรบ้าง
- อย่าเพิ่งขลิบ!! หากยังไม่ได้ดูรีวิวแผลขลิบจากคลินิกชั้นนำ
ขลิบไร้เลือด ที่ไหนดี
และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Gentle Clinic ยืนหนึ่งในด้านสุขภาพทางเพศคุณผู้ชายและการขลิบ สามารถขลิบได้ไม่ต้องกลัวเจ็บ เพราะเรามีโปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า จึงช่วยลดการอักเสบของแผล ไร้ปวดได้ในทันที และไร้อาการบวมอักเสบในวันต่อมา อีกทั้งช่วยเร่งสมานแผล ให้แผลแห้งไวภายใน 3 วัน ลดการติดเชื้อได้มากกว่า 90% จึงไม่ต้องพักฟื้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องทำแผลเองที่บ้าน
โปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ใช้ในโรงพยาบาลต่างประเทศ เพื่อช่วยเร่งสมานแผลเรื้อรัง แผลเบาหวาน หรือแม้แต่แผลในการผ่าตัดศัลยกรรมความงามที่เรานำมาใช้ ที่ GentleClinic เราดูแลให้ครบทั้งก่อนและหลังขลิบ ไม่เจ็บตอนทำ ไม่ปวดหลังทำ แล้วก็ไม่ต้องพักฟื้นครับ
สำหรับใครที่กำลังมองหา คลินิกขลิบปลายผู้ใหญ่ มากประสบการณ์ การันตีด้วยจำนวนเคสสำเร็จและรีวิวความประทับใจจากลูกค้าจำนวนมาก เรา Gentle Clinic คือคำตอบ เพราะเราเป็นคลินิกเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทยที่นำเอาเครื่องขลิบแบบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ที่มีความแม่นยำสูงมาใช้ในการรักษา ทำให้ใช้เวลาขลิบและเย็บแผลเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บหลังการรักษาได้มากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์สูง สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถรับแก้เคสขลิบแผลไม่สวยงามจากการขลิบที่อื่น คลินิกของเราพร้อมให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 15 สาขา มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://bit.ly/Gentle4Men
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand