เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์

เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เกิดจากอะไร แล้วทำไมการขลิบถึงช่วยได้

Facebook
Twitter

แม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์จะช่วยให้ผู้ชายอย่างเรามีความสุข แต่กลับไม่ใช่สำหรับผู้ชายบางคนที่รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ บางคนอาจมีอาการเจ็บเป็นบางครั้งเนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงเกินไป ท่วงท่าขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือแม้แต่การใช้อุปกรณ์ประกอบการมีเพศสัมพันธ์ที่อาจทำให้บาดเจ็บด้วยก็ตาม แต่หากมีอาการเจ็บทุกครั้งนั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะความผิดปกติเกี่ยวกับน้องชายที่คุณไม่ควรละเลย วันนี้เราจะมาพูดถึงสาเหตุและวิธีป้องกันอาการนี้กันครับ

อาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เกิดจากอะไร

1. ต่อมลูกหมากอักเสบ

เป็นภาวะอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณต่อมลูกหมาก แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ต่อมลูกหมากอักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน (Acute Bacterial Prostatitis) เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียในต่อมลูกหมากที่ทำให้ต่อมลูกหมากบวมโตจนไปเบียดท่อปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะลำบาก แสบขัด ปัสสาวะไม่สุด หรืออาจติดเชื้อในกระแสเลือด, ต่อมลูกหมากอักเสบติดเชื้อเรื้อรัง (Chronic Bacterial Prostatitis) เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียในต่อมลูกหมากที่ไม่รุนแรงมาก สามารถหายได้เองแต่ก็กลับมาเป็นซ้ำเรื่อย ๆ นานกว่า 3 เดือนขึ้นไป นอกจากจะมีอาการใกล้เคียงกับต่อมลูกหมากอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันแล้วยังมีอาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานร่วมด้วย, ต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง (Chronic Prostatitis) เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียในต่อมลูกหมากที่พบได้บ่อยสุด มีอาการหลักคือปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน ตามมาด้วยปวดท้องน้อย น้องชาย ไปจนถึงทวารหนัก นอกจากนี้อาจมีการหลั่งน้ำอสุจิออกมาร่วมกับอาการปวดด้วย, ต่อมลูกหมากอักเสบที่ไม่มีอาการ (Asymptomatic Inflammatory Prostatitis) เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียในต่อมลูกหมากที่ไม่แสดงอาการใด ๆ เว้นเสียแต่ว่าจะตรวจพบได้จากการตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยาด้วยการเจาะชิ้นเนื้อ, ผ่าตัดรักษาต่อมลูกหมากโต หรือผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

อาการของต่อมลูกหมากอักเสบจะมีทั้งอาการเจ็บขณะปัสสาวะ, ขณะน้องชายแข็งตัว, ขณะมีเพศสัมพันธ์ บางรายอาจมีอาการปวดอาจรุนแรงและปวดขณะถ่ายหนัก ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดต่อมลูกหมากอักเสบจะมาจากการรักษาโรคด้วยการสวนทางเดินปัสสาวะ, มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก, การบาดเจ็บบริเวณใกล้เคียงกับต่อมลูกหมาก, ป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินปัสสาวะ หรือเป็นโรคต่อมลูกหมากโต รวมถึงผู้ที่มีท่อปัสสาวะผิดรูปอีกด้วย

2. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

2.1 หนองในแท้ (Gonorrhea)

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ลำคอ และทวารหนัก โดยจะแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อแบคทีเรียไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria Gonorrhoeae) เข้าสู่ร่างกายประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป ส่งผลให้มีอาการผิดปกติบริเวณน้องชาย ได้แก่ มีหนองสีเหลืองหรือสีเขียวไหลออกจากส่วนปลายของน้องชาย รู้สึกเจ็บแสบขณะปัสสาวะ หนังหุ้มปลายอักเสบ บางรายอาจมีอาการบวมหรือฟกช้ำที่ลูกอัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง ส่วนสาเหตุของหนองในแท้จะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น ไม่สวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีคู่นอนมากกว่า 1 คน ใช้คู่นอนร่วมกับคนอื่น เคยเป็นโรคหนองในมาก่อน

2.2 หนองในเทียม (Chlamydia)

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นบริเวณท่อปัสสาวะโดยเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียคลามัยเดีย (Chlamydia Trachomatis) โดยติดต่อจากของเหลวในช่องคลอดและอสุจิที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกที่น้องชายขณะมีเพศสัมพันธ์, ปวดแสบขณะปัสสาวะ, มีมูกหรือน้ำใสออกจากน้องชายโดยจะสังเกตได้ว่ามีลักษณะแตกต่างจากน้ำอสุจิ, ปวดบวมบริเวณลูกอัณฑะ หากปล่อยไว้นานอาจเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยากจากสเปิร์มเสื่อมคุณภาพและทำให้ประสิทธิภาพของภาวะเจริญพันธุ์ลดลง ส่วนสาเหตุของหนองในเทียมจะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ทุกทางทั้งจากช่องคลอด ทวารหนัก ปาก ดวงตา (น้ำอสุจิที่มีแบคทีเรียกระเด็นมาโดนดวงตา) หรือได้รับเชื้อจากแม่สู่ลูกในช่วงตั้งครรภ์

2.3 เริม (Herpes)

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีตุ่มน้ำใส ๆ โผล่ขึ้นมาบริเวณน้องชาย ปาก ทวารหนัก ต้นขา หรือบั้นท้าย มาพร้อมอาการเจ็บแสบร่วมด้วย เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ หรือ HSV (Herpes Simplex Virus) ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่มีตุ่มขึ้น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว มีไข้ หากเกิดตุ่มใสที่น้องชายจะรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าบริเวณอื่น โดยทั่วไปแล้วโรคเริมจะมีอาการรุนแรงแค่ครั้งแรกและสามารถหายได้เองภายใน 2-6 สัปดาห์ แต่ก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้หากมีตัวกระตุ้น เช่น ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ภาวะความเครียด หรือสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อโดยตรง ส่วนสาเหตุของโรคเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัยหรือใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ

3. หนังหุ้มปลายอักเสบ

เป็นภาวะอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณหนังหุ้มปลายที่มีสาเหตุมาจากการทำความสะอาดหนังหุ้มปลายไม่สะอาดพอและทำให้สิ่งสกปรกตกค้างอยู่ภายในหนังหุ้มปลาย ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บและคันบริเวณส่วนปลายของน้องชาย รู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ น้องชายมีกลิ่นเหม็นเนื่องจากไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาดได้ มีหนองหรือของเหลวสีเหลืองข้นไหลออกมาจากน้องชาย นอกจากการทำความสะอาดที่ไม่ดีแล้วอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ได้แก่ ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ทำให้น้ำตาลปนมากับปัสสาวะและกลายเป็นอาหารชั้นดีของยีสต์แคนดิดา (Candida Albicans) ที่อาศัยอยู่บริเวณส่วนปลายของน้องชาย เมื่อเชื้อราชนิดนี้ได้รับน้ำตาลมากเกินไปก็จะเจริญเติบโตและก่อให้เกิดอาการอักเสบตามมา, ป่วยเป็นโรคหนังผิวบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน, โรคมะเร็งผิวหนัง ฯลฯ

ไม่อยากเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ทำยังไงดี

1. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งขณะมีเพศสัมพันธ์ ทำความสะอาดน้องชายทุกครั้งทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่รุนแรงเกินไป มีคู่นอนเพียงคนเดียว ไม่ใช่คู่นอนร่วมกับคนอื่น เพื่อป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

2. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง

กรณีที่คุณเคยป่วยเป็นโรคเริมที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น คุณจึงต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะถ้าระบบภูมิคุ้มกันของคุณลดลงเมื่อไหร่ก็อาจกระตุ้นให้กลับมาเป็นโรคเริมได้อีกด้วย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อโดยตรงด้วยจะดีที่สุด

3. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงเกินไป

แม้ว่าคุณหรือคู่นอนจะชอบมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง แต่การสอดใส่ที่รุนแรงเกินไปอาจทำให้เกิดแผลได้ง่ายหรืออาจทำให้น้องชายของเราเจ็บตามด้วย ดังนั้นคุณควรงดการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ที่อาจทำให้คุณและคู่หมดอารมณ์ในการทำกิจกรรมทางเพศไปด้วย

4. การขลิบไร้เลือด

แม้ว่าหนังหุ้มปลายจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่หัวน้องชายแต่ก็เป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกและสารคัดหลั่งได้เช่นกัน นอกจากนี้หนังหุ้มปลายส่วนในยังเป็นเยื่อบุส่วนแฉะ (Mucous Membrane) ที่ไม่มีเคราตินเคลือบไว้เหมือนผิวหนังส่วนนอก จึงกลายเป็นแหล่งรับเชื้อ HPV และ HIV เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการเอาหนังหุ้มปลายออกแล้วจะไม่ก่อให้เกิดขี้เปียกขึ้นที่หนังหุ้มปลายอีกตลอดไปและช่วยให้ทำความสะอาดหัวองคชาตง่ายขึ้น และเมื่อผ่าตัดเอาออกแล้วจะช่วยลดโอกาสเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้องชายโดยตรงอย่างหูดหงอนไก่ มะเร็งองคชาต หรือโรคที่เกิดจากเชื้อ HPV ได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายถึง 60% อีกด้วยครับ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: บริการขลิบ ขลิบไร้เลือด ขลิบคลิกเดียว แผลเรียบสวย ไร้เลือด

ขลิบไร้เลือดครั้งเดียวในชีวิต ทำไมต้องขลิบกับ Gentle Clinic

แม้ว่าคลินิกขลิบส่วนใหญ่จะใช้วิธีขลิบไร้เลือดกันแล้ว แต่ที่ Gentle Clinic เรามีโปรแกรม OXYLAB  (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) เป็นอุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า จึงช่วยเสริมประสิทธิภาพของการต้านการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ลดการอักเสบ ปวดบวม ฟกช้ำของกล้ามเนื้อ จึงไร้อาการปวดในทันทีและไร้อาการบวมอักเสบในวันต่อมา อีกทั้งช่วยเร่งสมานแผล ให้แผลแห้งไวภายใน 3 วัน ลดการติดเชื้อได้มากกว่า 90%  จึงไม่ต้องพักฟื้นอย่างแท้จริง ไม่ต้องทำแผลเองที่บ้าน โดยบริการนี้คนไข้จะได้รับทันทีที่ขลิบไร้เลือดเสร็จ ซึ่งจะช่วยบบรเทาอาการปวดที่จะเกิดขึ้นหลังการขลิบได้เป็นอย่างดี

สำหรับใครที่กำลังมองหา คลินิกขลิบปลายผู้ใหญ่ มากประสบการณ์ การันตีด้วยจำนวนเคสสำเร็จและรีวิวความประทับใจจากลูกค้าจำนวนมาก เรา Gentle Clinic คือคำตอบ เพราะเราเป็นคลินิกเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทยที่นำเอาเครื่องขลิบแบบอัตโนมัติแบบสวมครอบ (Round Stapler) ที่มีความแม่นยำสูงมาใช้ในการรักษา ทำให้ใช้เวลาขลิบและเย็บแผลเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บหลังการรักษาได้มากกว่าการขลิบแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์สูง สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถรับแก้เคสขลิบแผลไม่สวยงามจากการขลิบที่อื่น คลินิกของเราพร้อมให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 15 สาขา มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา

  • เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
  • Line: https://bit.ly/Gentle4Men
  • Facebook: Gentle Clinic
  • Instagram: gentleclinic_thailand

บทความที่น่าสนใจ

รีวิวขลิบไร้เลือดจาก Gentle Clinic

ดูรีวิวเต็ม ๆ ได้ที่ ลิงก์นี้

 

 

รีวิวจากผู้ใช้บริการ

 

 

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ