สิวอักเสบขึ้นบ่อย

สิวอักเสบขึ้นบ่อย ไม่หายสักที อาจมาจากการดูแลผิวหน้าแบบผิดๆ

Facebook
Twitter

แม้ว่าคุณจะใช้ครีมยี่ห้อแพงๆ ทำความสะอาดและทาบำรุงผิวหน้าดีแค่ไหน แต่หากผิวหน้าของคุณยังมีสิวอักเสบขึ้นบ่อยๆ สิวไม่หายสักที นั่นหมายความว่าคุณกำลังดูแลผิวหน้าผิดวิธีอยู่อย่างแน่นอน วันนี้เราจะมาพูดถึง 7 วิธีการดูแลผิวหน้าแบบผิดๆ พร้อมวิธีแก้เพื่อสุขภาพผิวที่ดี ห่างไกลจากสิวอักเสบกันครับ

สิวอักเสบขึ้นบ่อย อาจมาจากการดูแลผิวหน้าแบบผิดๆ ดังต่อไปนี้

1. ล้างหน้าด้วยน้ำร้อน

แน่นอนว่าการล้างหน้าเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนจะต้องทำเพื่อชะล้างเอาคราบมันและเซลล์ผิวที่ตายตามรูขุมขนออก แต่ยังมีอีกหลายคนที่เชื่อว่าการล้างหน้าด้วยน้ำร้อนจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้ดีกว่าน้ำเย็น เนื่องจากน้ำร้อนมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้แก่ร่างกาย ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วน้ำร้อนจะทำให้รูขุมขนขยายกว้าง ส่งผลให้สิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันอยุ่ในรูขุมขนได้ง่ายขึ้นและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่ายขึ้นด้วยครับ นอกจากนี้น้ำร้อนยังไปกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาว Mast Cells ปล่อยสารฮิสตามีนไปกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคือง เมื่อผิวอ่อนแอก็เป็นเหตุให้เกิดสิวง่ายขึ้นด้วย ทางที่ดีเราขอแนะนำให้ล้างน้ำด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องจะดีที่สุดครับ

2. ล้างหน้าน้อยหรือมากเกินไป

จริงอยู่ที่การล้างหน้าจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด แต่อะไรที่มากหรือน้อยเกินไปก็ไม่ดีเหมือนกันนะครับ อย่างการล้างหน้าบ่อยเกินไปก็อาจทำให้ผิวหน้าสูญเสียน้ำมันที่ร่างกายผลิตออกมา ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและชั้นผิวถูกทำลาย นอกจากจะไม่ได้ชะล้างเอาสิ่งสกปรกออกไปแล้วยังไปตกค้างและก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้าต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นผดผื่นคัน, สิวผู้ใหญ่, ต่อมไขมันอักเสบ ส่วนใครก็ตามที่เชื่อว่าการล้างหน้าเพียงวันละครั้งจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นได้ดีเพราะไม่ได้ล้างบ่อย ประเภทที่ว่าอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ตื่นมาก็ไม่ได้ล้างหน้า ลากยาวไปถึงก่อนนอนแล้วค่อยล้างทีเดียวแบบนี้ก็ไม่ดีเหมือนกันนะครับ เพราะการที่เราไม่ได้ล้างหน้าทันทีหลังตื่นนอนจะทำให้เซลล์ผิวที่ตายและไขมันสะสมอยู่ตามรูขุมขนจนกลายเป็นสิวอักเสบตามมาได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราขอแนะนำให้ล้างน้ำหลังตื่นนอนและล้างก่อนนอนเป็นหลัก แต่หากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูงก็ต้องใช้ตัวช่วยอื่นๆ ในการทำความสะอาดหน้านอกเหนือไปจากการล้างหน้าด้วยนะครับ

3. ล้างหน้ากับฝักบัว

หลายคนอาจคุ้นชินกับการล้างหน้าด้วยฝักบัวเพราะเห็นว่าไหนๆ ก็จะอาบน้ำแล้วก็เปิดฝักบัวล้างหน้าไปเลย แม้ว่าจะสะดวกแต่อย่าลืมนะครับว่าผิวหน้าของเราเป็นจุดที่บอบบางมากที่สุดจุดหนึ่งของร่างกายและฝักบัวเองก็มีแรงดันน้ำที่สูง หากฉีดเข้าสู่ใบหน้าแล้วแรงดันน้ำจะชะล้างความมันบนใบหน้าออกไปจนหมด นอกจากนี้ยังทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นด้วย ส่งผลให้ผิวหน้าแห้งและเป็นสิวง่ายยิ่งขึ้น ทางที่ดีควรล้างหน้าในอ่างล้างหน้าจะดีกว่าครับ

4. แกะสิวออกเอง

จริงอยู่ที่สิวบนใบหน้าจะสร้างความเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยเลย แถมยังเป็นจุดเด่นบนใบหน้าที่ไม่อยากให้ใครเห็น หลายคนเลือกที่จะแกะหรือบีบสิวออกเองเพื่อให้สิวออกไปสักที แต่ที่จริงแล้วการบีบหรือแกะสิวออกเองนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ เพราะเล็บของเรามีสิ่งสกปรกอยู่ภายใน เมื่อใช้เล็บแกะสิวออกก็จะทำให้เชื้อโรคจากเล็บเข้าไปยังหลุมสิวและก่อให้เกิดการอักเสบ หรือแม้แต่การบีบก็ตามที่ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่มีสิวเกิดการบอบช้ำ ส่งผลให้เกิดหลุมสิวตามมา ดังนั้นเราขอแนะนำให้ทายารักษาสิวเพื่อให้สิวยุบและหายไปเองครับ

5. ใช้กระดาษซับมันบ่อยเกินไป

ขึ้นชื่อว่ากระดาษซับมันแล้วหลายคนจะต้องมีพกติดตัวไว้ซับผิวหน้ากันอยู่แล้ว ยิ่งถ้าต้องไปอยู่ในพื้นที่กลางแจ้งหรือต้องทำกิจกรรมหนักๆ ก็อาจต้องซับหน้าเยอะหน่อย แต่ในความเป็นจริงไม่ควรซับบ่อยๆ นะครับ เพราะการที่ซับหน้าจะทำให้หน้าแห้งและกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมาเพื่อคงความชุ่มชื้นบนใบหน้าเอาไว้ กลายเป็นว่ายิ่งซับหน้าก็ยิ่งมันกว่าเดิม เราเลยขอแนะนำให้ซับผิวหน้าเบาๆ เพียงวันละ 1-2 ครั้งก็พอครับ และที่สำคัญหากใช้กระดาษซับไปแล้วไม่ควรใช้ซ้ำเพราะอาจทำให้สิ่งสกปรกติดมาจากกระดาษซับติดไปยังบริเวณอื่นของผิวหน้าและก่อให้เกิดสิวขึ้นมาได้ด้วยครับ

6. ผิวมันแต่ไม่ได้ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์

หลายคนอาจคิดว่าผิวเรามันอยู่แล้วไม่ต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ทาซ้ำให้ผิวมันกว่าเดิมหรอก ซึ่งในเป็นจริงแล้วควรทานะครับเพราะมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื่นใหแก่ผิว ส่วนผิวหน้าที่มันนั้นเกิดจากผิวหน้าเราเกินไปจนร่างกายต้องผลิตน้ำมันมาเติมความชุ่มชื้นให้นั่นเอง กรณีที่คุณมีผิวหน้ามันแนะนำให้ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ฐานน้ำ (Water Based Moisturizer) ที่มีความมันน้อย เนื้อครีมแห้วไว ส่วนใครที่มีผิวหน้าแห้งแนะนำมอยส์เจอร์ไรเซอร์ฐานน้ำมัน (Oil Based Moisturizer)

7. ทาครีมกันแดด SPF สูง ก็พอ

แม้ว่า SPF สูงๆ (SPF 50+) จะช่วยป้องกันรังสี UVB ได้มากกว่า 98% แต่ครีมกันแดดที่ดีควรมีมากกว่าค่า SPF นะครับ จำเป็นจะต้องมีค่า PA สำหรับป้องกันรังสี UVA และค่า SPF สำหรับป้องกันรังสี UVB ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญควรคำนึงถึงลักษณะของผิวเราด้วยว่าเป็นผิวแบบไหน หากเป็นผิวแห้งแนะนำให้เลือกครีมที่เป็นเนื้อครีม ส่วนใครที่มีผิวมันแนะนำให้เลือกครีมที่เป็นเนื้อเจลหรือครีมปราศจากน้ำมัน ดังนั้นหากคุณจะซื้อครีมกันแดดทั้งที อย่าลืมดูจุดนี้กันด้วยนะครับ

แล้วถ้าเป็นหลุมสิวแล้ว ทำยังไงดี

ในกรณีที่คุณมีหลุมสิวอยู่บนใบหน้าแล้วจะต้องดูก่อนว่าเป็นหลุมสิวประเภทไหน หากเป็นหลุมสิวตื้นก็สามารถรักษาได้ด้วยวิธีธรรมชาติ แต่หากเป็นหลุมสิวลึกก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้เอง จำเป็นจะต้องรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์เท่านั้น แม้ว่าในประเทศไทยจะมีเทคนิคการรักษาหลุมสิวมากมาย ทั้งการฉีดฟิลเลอร์ การผ่าตัดหลุมสิว การยิงเลเซอร์ การใช้เกล็ดอัญมณีกรอผิว หรือแม้แต่การลอกผิวด้วยสารเคมีก็ตาม แต่วิธีเหล่านี้จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาซ้ำๆ เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร และใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงตามมาอีกด้วย

แตกต่างจาก Juvgen ซึ่งเป็นเทคนิคการรักษาหลุมสิวที่เน้นไปที่การฟื้นฟูผิวหนังของคนไข้เอง เทคนิคนี้คิดค้นโดย Dr.จิน (Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลี ที่รักษาหลุมสิวง่ายๆ ด้วยการฉีด Co2 foam ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) อนุภาคเล็กเข้าไปยังชั้นหนังแท้ใต้หลุมสิวเพื่อฮฉีกเซลล์ทิ้งและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาเติมเต็มหลุมสิวให้เรียบเนียนอีกครั้งอย่างถาวรภายในการรักษาเพียงครั้งเดียว ที่สำคัญเทคนิคนี้ยังมีการจดและยื่นจดสิทธิบัตรมาแล้วกว่า 40 ฉบับ ทั้งเกาหลี สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น คุณจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย เห็นผลไวและถาวรแน่นอนครับ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: JUVGEN คืออะไร ทำไมถึงตอบโจทย์การดูแลผิวหน้าของคนยุคใหม่

บทความที่น่าสนใจ

ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic

Gentle Clinic เราเป็นเจ้าแรกในไทยที่ใช้เทคนิคการรักษาหลุมสิว JuvGenesis จาก Dr.จิน (Jin Se-hun) ที่กล้าการันตีผลลัพธ์หลังการรักษา ทำครั้งเดียวจบ ไม่ต้องมาทำซ้ำ และที่สำคัญตัวเครื่องมือถูกออกแบบมาสำหรับรักษาปัญหาหลุมสิวโดยเฉพาะ จึงรักษาปัญหาได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ปลอดภัยต่อทุกสีผิว (ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงเหมือนเลเซอร์) ระหว่างทำไม่จำเป็นต้องแปะยาชาเพราะไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาเหมือนวิธีอื่นๆ อีกด้วย

JuvGenesis ช่วยให้คุณกลับมามีผิวหน้าที่เรียบเนียนขึ้นอีกครั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Rolling scar, Box scar, Ice-pick Scars, หลุมเล็ก, หลุมใหญ่ หรือหลุมลึกก็ตาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวแบบเร่งด่วนและะรักษาถาวร นอกจากเทคนิคการรักษาและเครื่องมือคุณภาพสูงแล้ว เรายังมีทีมแพทย์ของมากประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์และรักษาได้อย่างตรงจุด มีช่องทางการติดต่อให้ผู้ที่สนใจทั้ง 4 ช่องทาง  เพื่อให้คุณได้รับบริการที่ดีที่สุดจากเรา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGenesis

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ