ผมบางกลางหัว

ผมบางกลางหัวเกิดจากอะไร รักษาอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นอีก

Facebook
Twitter

ผมบางกลางหัวถือเป็นจุดเด่นบนศีรษะที่ใครหลายคนอาจไม่ชอบใจนัก เพราะอาจดูเสียบุคลิกภาพไปจากเดิม คนไข้บางรายอาจมีผมบางไม่มากนักเลยคิดว่าเดี๋ยวผมก็งอกขึ้นมาใหม่ แต่บางรายอาจละเลยการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจนลุกลามมาเกือบทั้งศีรษะแล้วก็เป็นได้ ดังนั้น Gentle Clinic จะขออาสาพาทุกคนที่มีปัญหาผมบางมาทำความรู้จักและรับมือกับภาวะดังกล่าวไม่ให้ลุกลามขยายวงกว้างจนทำให้คุณสูญเสียเส้นผมไปอย่างถาวร ถ้าพร้อมแล้วมาอ่านด้วยกันเลยครับ

ผมบางกลางหัวคืออะไร

ผมบางกลางหัว

หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อว่า หัวล้านไข่ดาว เป็นภาวะหัวล้านที่เกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะ มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ในระยะแรกของอาการจะมีผมบางเพียงกลางศีรษะเท่านั้น แต่หากคนไข้ปล่อยไว้นานอาจลุกลามมาเกือบทั่วศีรษะ เหลือไว้แค่เพียงเส้นผมบริเวณหลังกกหูและท้ายทอย แม้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากพันธุกรรมแต่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมเสี่ยงในชีวิติประจำวันได้ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ภาวะดังกล่าวไม่ได้มีผลอันตรายต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ แต่อย่างใด

ประเภทของผมบางกลางหัว

  • หัวล้านพันธุกรรมในเพศชาย (Male Pattern Baldness) เป็นภาวะผมบางบริเวณผมด้านหน้าและกลางศีรษะ ดูแหว่งอย่างเห็นได้ชัด และอาจขยายวงกว้างจากด้านหน้าและด้านกลางมาบรรจบกัน เหลือเพียงผมส่วนท้ายทอยและข้างหลังหูเท่านั้น
  • ผมบางตรงแสกกลางในผู้หญิง (Female Pattern Baldness) เป็นภาวะผมบางผมด้านหน้าและกลางศีรษะที่มีอาการคล้ายกับภาวะหัวล้านพันธุกรรมในเพศชายของผู้ชาย เพียงแต่ผมด้านหน้าอาจไม่บางลงเหมือนของผู้ชาย แต่หากปล่อยไว้นานเกินไปอาจเสี่ยงต่อการขยายพื้นที่ที่ทำให้ผมร่วงจนผมบางลงเรื่อย ๆ และลามไปทั่วศีรษะ

สาเหตุของผมบางกลางหัว

  • กรรมพันธุ์จากคนในครอบครัว (Androgenetic Alopecia) พบได้ 2 ใน 3 ของประชากรชายทั้งหมด
  • อายุเพิ่มขึ้น ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเสื่อมถอย โดยเฉพาะผู้ชาย
  • ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิดหรือการฉายรังสีจากการรักษามะเร็ง
  • การทำความสะอาดเส้นผมผิดวิธี หรือแพ้สารในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผม
  • เส้นผมสัมผัสกับความร้อนสูงเป็นเวลานาน เช่น เล่นกีฬาหรือทำงานในพื้นที่กลางแจ้ง
  • ฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ในผู้ชายเกิดการเปลี่ยนแปลงและทำให้เส้นผมบางลง ส่วนผู้หญิงจะเกิดจากฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสโตรเจน (Estrogen) ลดลง ทำให้ผมร่วงง่ายในปริมาณมาก โดยเฉพาะช่วงหลังคลอดและช่วงหมดประจำเดือน รวมถึงผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิด
  • ภาวะความเครียดสะสม ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายผิดปกติและลุกลามไปยังรากผมและรูขุมขน ส่งผลให้ผมร่วงมากขึ้นและกลายเป็นโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia areata) และโรคดึงผมตัวเอง เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อคนไข้มีภาวะความเครียดสูงและเสพติดการดึงเส้นผมเพื่อบรรเทาความเครียด
  • ป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับเส้นผม เช่น โรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata), โรคผื่นแพ้สัมผัสหนังศีรษะ (Contact Dermatitis), โรคไทรอยด์เป็นพิษ (Thyrotoxicosis), โรคเชื้อราบนหนังศีรษะ (Tinea Capitis) ฯลฯ

สัญญาณเตือนของอาการผมบางกลางหัว

  • มีผมร่วงเป็นหย่อม ๆ
  • หวีผมวันละ 5 ครั้ง (เช้า สาย บ่าย ก่อนอาบน้ำ และก่อนนอน) แล้วพบว่ามีผมร่วงเกิน 100 – 150 เส้นต่อวัน
  • หวีผมเป็นเวลา 1 นาที แล้วมีผมร่วงติดมามากกว่า 10 – 20 เส้น
  • ผมเปราะบาง ขาดง่ายกว่าแต่ก่อน
  • ขนจากส่วนอื่นของร่างกายก็ร่วงตามด้วย เช่น คิ้ว หนวด เครา ขนแขน

วิธีรักษาผมบางกลางหัว

1. ใช้ยารักษาผมร่วง

แม้ว่าจะเป็นที่นิยมในผู้ที่มีปัญหาผมบางในเบื้องต้น แต่อาจมีผลข้างเคียงกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่นและต้องทานยาตลอดชีวิต สำหรับยารักษาผมร่วงในปัจจุบันมี 2 ชนิด ได้แก่ ยาปลูกผมฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride) ชนิดเม็ด เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรมและฮอรโมนเพศชาย ตัวยาออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเพศชาย DHT (Dihydrotestosterone) ที่ทำให้ผมบางลงและกระตุ้นรากผมในการสร้างผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้น สำหรับระยะเวลาในการรักษาด้วยยาจะอยู่ที่ 3 – 6 เดือน แต่อย่างไรก็ดียาชนิดนี้สามารถรักษาได้เฉพาะผู้ที่มีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้นเท่านั้น หากคนไข้อยู่ในภาวะรากผมฝ่อไปแล้วตัวยาอาจไม่ได้ผล ต้องรักษาด้วยวิธีอื่นแทนครับ นอกจากนี้อาจมีผลข้างเคียงต่อค่าการทำงานของตับที่ผิดปกติ ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ภาวะซึมเศร้า และมีผลต่อการตรวจพบโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่มต้นอกด้วย ยาปลูกผมฟีนาสเตอไรด์ไม่เหมาะสำหรับสตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงกำลังให้นมบุตร ผู้ป่วยโรคตับและตับทำงานผิดปกติ และผู้ที่อาการแพ้ส่วนประกอบของยา

ยาปลูกผมไมนอกซิดิล (Minoxidil) เป็นยาแก้ผมร่วงในรูปแบบทาหรือหยอดหนังศีรษะ เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ ออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดและลดความดันโลหิตสูง สำหรับระยะเวลาในการรักษาด้วยยาจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี  แต่หากหยุดยากลางคันอาจทำให้ผมกลับมาร่วงบางเหมือนเดิม ทั้งนี้อาจมีผลข้างเคียงเกี่ยวกับความดันโลหิตและทำให้ขนขึ้นมาใหม่มากขึ้น นอกจากนี้อาจมีผลข้างเคียงต่อการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ หายใจลำบาก หน้ามืด เป็นลม ผิวบริเวณที่ทามีความแห้งผากง่ายเนื่องจากมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ยาปลูกผมไมนอกซิดิลไม่เหมาะสำหรับเด็ก สตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงกำลังให้นมบุตร ผู้ป่วยโรคตับและตับทำงานผิดปกติ และห้ามใช้กับส่วนอื่นของร่างกาย

2. Hair Stem Micro Transplant

เป็นเทคโนโลยีการปลูกผมถาวรโดยใช้สเต็มเซลล์ของคนไข้เองถึง 90% จึงปลอดภัยต่อตัวคนไข้แน่นอน สำหรับขั้นตอนการรักษาคุณหมอจะคัดเซลล์รากผมที่แข็งแรงที่อยู่ตามท้ายทอยหรือข้างใบหูและนำ Dermal Cup Sheath จากปลายเซลล์มาผ่านกระบวนการในห้องแล็บเพื่อสกัดเอาเซลล์มีชีวิต (Live Cell) โดยเซลล์รากผมที่ถูกสกัดออกจะทำหน้าที่ป้องกันรากผมจากผลข้างเคียงของฮอร์โมนเพศที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงผมบางและกระตุ้นวงจรผมกลับมาเป็นปกติ จากนั้นจึงฉีดกลับเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาเพื่อซ่อมแซมและกระตุ้นให้เซลล์รากผมกลับมาแข็งแรง ส่งผลให้รากผมผลิตเส้นผมที่ดกดำและหนาในปริมาณมากยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม หลังจากการรักษาสามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่มีแผล ไม่ต้องกินยา ไม่เสี่ยงต่อภาวะหย่อนสมรรถทางเพศเหมือนการใช้ยา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางจากพันธุกรรมและจากฮอร์โมนทั้งเพศชายและเพศหญิง

3. Reginera Micrograft Hair

เป็นเทคนิคการปลูกผมโดยเน้นไปที่การรักษาอายุของเส้นผมให้อยู่กับคนไข้ไปได้นานที่สุด โดยแพทย์จะวิเคราะห์ลักษณะของเส้นผมและคัดเลือกรากที่แข็งแรงสมบูรณ์มากที่สุดบริเวณหลังใบหูหรือท้ายทอย สามารถนำมาสกัดได้ปริมาณสเต็มเซลล์สูงถึง 4 ล้านเซลล์ จากนั้นจึงนำรากผมที่ได้ไปปั่นด้วยเครื่อง Reginera มาตรฐานจากยุโรปเพื่อนำรากผมที่สกัดได้ฉีดกลับไปยังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาเพื่อกระตุ้นรากผมที่อ่อนแอให้แข็งแรงและเพิ่มจำนวนการผลิตเส้นผมให้สูงขึ้น ช่วยให้คนไข้มีผมดกดำ ดูเป็นธรรมชาติ สำหรับผลลัพธ์การรักษาจะเริ่มเห็นผลในช่วง 45 – 90 วัน ข้อดีเทคนิคการรักษาประเภทนี้คือรักษาปีละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 – 2 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมร่วง ผมบางแต่ยังไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน มีรูขุมขนพอให้ฉีดรากผมเข้าไปกระตุ้นได้ และเหมาะสำหรับผู้ที่มีกราฟผมไม่เพียงพอต่อการปลูกแบบ FUE

4. การทำโฟโตน่า เลเซอร์ (Fotona laser)

เป็นการยิงเลเซอร์พลังงานต่ำจากเครื่อง Fotona SP Dynamis เข้าไปยังหนังศีรษะที่มีปัญหาเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ทำงานเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นและมีเลือดมาเลี้ยงมากพอ ส่งผลให้รากผมแข็งแรงและสร้างเส้นเลือดฝอยมากขึ้น ผมที่งอกขึ้นใหม่จะมีเส้นใหญ่ ไม่ร่วงง่ายเหมือนแต่ก่อน ข้อดีของการรักษาประเภทนี้มีมากมาย เช่น ใช้เวลารักษาเพียง 30 – 45 นาทีต่อครั้ง ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลังการรักษา กลับบ้านได้ทันที สามารถทำควบคู่กับการรักษาผมบางด้วยวิธีอื่น เช่น PRP ผม หรือปลูกผมแบบ FUT หรือ FUE เป็นต้น

5. หมวกเลเซอร์ LLLT (Low-Level Laser Therapy)

เป็นการสวมหมวกที่ทำงานด้วยแสงเลเซอร์กำลังต่ำ โดยตัวหมวกจะปล่อยเลเซอร์สีแดงเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้เส้นผมได้รับสารอาหารมากขึ้นและลดการอักเสบของแผลภายในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญเลเซอร์ชนิดนี้จะช่วยกระตุ้นรากผมกลับมาแข็งแรง ผมกลับมายาวเร็วขึ้น ผมเส้นใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ยังแผลจากการผ่าตัดก็หายไว อีกทั้งมีผลข้างเคียงในการรักษาที่น้อยและเห็นผลลัพธ์หลังการรักษาประมาณ 6 เดือนขึ้นไปอีกด้วย

บทความที่น่าสนใจ

รักษาผมร่วงที่ไหนดี

สำหรับใครที่มีปัญหาศีรษะ ผมร่วง ศีรษะล้าน ที่ Gentle Clinic เรามีนวัตกรรม VEGF Stemcell ที่นำเลือดของคนไข้ในแต่ละคนมาสกัด Platelet หรือ PRP (Platlet-rich plasma) และนำมาผ่านกระบวนการ Cellysis อีกทีเพื่อให้ปลดปล่อย VEGF และ Stemcell ปริมาณสูงแล้วไปฉีดกลับให้คนไข้ ข้อดีของ VEGF Stemcell จะช่วยซ่อมแซมรากผม ช่วยกระตุ้นการสร้างระบบหลอดเลือดฝอยขึ้นใหม่ในรากผม หลังการรักษาแล้วคนไข้จะรู้สึกได้เลยว่าผมร่วงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้เรายังมีนวัตกรรมสำหรับรักษา ด้วยเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมแบบไร้แผลโดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะ ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีแผลเป็นและไม่ต้องพักฟื้น อีกทั้งระยะเวลาการหายของแผลเร็ว ไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ

นอกจากนี้เรายังมีมีโปรแกรม OXYLAB  (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ด้วยออกซิเจนเข้มข้น 100% ใต้บรรยากาศแรงดันสูงเสมือนอยู่ใต้น้ำลึก ควบคู่กับการเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน จาก 20 เป็น 100% ทำให้ออกซิเจนละลายในพลาสม่าได้มากขึ้นเป็น 10 เท่า ร่างกายจึงส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้มากขึ้น ช่วยให้เซลล์ทุกเซลล์ตื่นตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปฏิกิริยาการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย, ลดการอักเสบของข้อ เอ็น กล้ามเนื้อ จากการเล่นกีฬาและออฟฟิศซินโดรม, กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคจาก ROS (reactive oxygen spicies) ที่มากขึ้น, กระตุ้นสมองและระบบประสาท เพิ่มหน่วยความจำ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับง่าย คลายเครียด, ลดการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง และอื่น ๆ อีกมาก เพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุดจากเรา

ผลการรักษา (ลูกค้าผู้ใช้บริการจริง)

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ