วิธีดูแลเส้นผม

แนะนำวิธีดูแลเส้นผมอย่างไรให้กลับมาผมสวย ดูเป็นธรรมชาติ

Facebook
Twitter

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาผมร่วง รังแค จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และอยากดูแลเส้นผมของตัวเองกลับมาดกดำ ดูเป็นธรรมชาติอีกครั้ง แต่ยังไม่รู้ว่าจะลองวิธีไหนที่จะเห็นผลที่สุด วันนี้ Gentle Clinic จะมาแนะนำวิธีดูแลเส้นผมที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองครับ

แนะนำวิธีดูแลเส้นผมที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

วิธีดูแลเส้นผม

1. สระผมอย่างถูกวิธี

ก่อนอื่นเริ่มจากการล้างผมด้วยน้ำสะอาดก่อนสระผม นอกจากจะช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น เหงื่อไคล รังแค ควัน ฯลฯ แล้ว ยังช่วยลดอาการระคายเคืองจากสารเคมีในแชมพูอีกด้วยครับ จากนั้นจึงค่อยสระผม โดยแชมพูที่ใช้ไม่ควรมีฟองเยอะเกินไป เพราะฟองเหล่านี้มีส่วนประกอบของสารเคมีซัลเฟตที่มีฤทธิ์ดูดน้ำมันธรรมชาติจากเส้นผมซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ โดยแชมพูที่เราแนะนำควรเป็นแชมพูสูตรฟองน้อยและสูตรไม่มีฟอง จากนั้นค่อยใช้ล้างศีรษะด้วยน้ำสะอาดเย็น หากใครที่ติดสระผมด้วยน้ำเย็นแนะนำให้หยุดโดยด่วน เนื่องจากหนังศีรษะเป็นส่วนที่บอบบางเป็นพิเศษ หากโดนน้ำอุ่นแล้วจะทำให้เส้นผมสูญเสียน้ำมันและขาดสมดุลความชุ่มชื้น ส่งผลให้หนังศีรษะแห้งในที่สุด ส่วนวิธีการล้างผมนั้นควรล้างไปพร้อมกับการนวดโคนผมด้วยปลายนิ้วเบา ๆ เพื่อล้างสิ่งสกปรกออกให้หมด

2. จัดการผมให้แห้งอย่างเหมาะสม

หลังจากสระผมเรียบร้อยแล้วให้เช็ดผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์ เนื่องจากผ้าขนหนูประเภทนี้ซับน้ำได้ดีและช่วยลดปัญหาผมแห้งแตกปลายได้อีกด้วย เราขอแนะนำให้เตรียมผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์ไว้ 2 ผืน โดยผืนแรกใช้เช็ดผมหลังสระเสร็จ ส่วนอีกผืนใช้เช็ดผมตอนใช้ไดร์เป่าผม โดยใช้ผ้าขนหนูคลุมหัวแล้วค่อยเป่าไล่จากส่วนบนลงไปยังส่วนล่างและจากส่วนซ้ายไปส่วนขวาแล้วใช้มือขยี้เบา ๆ เพื่อให้ผมนุ่ม เรียงตัวสวยเป็นธรรมชาติ จากนั้นใช้ไดร์เป่าผมเป่าเหนือผ้าขนหนูแห้ง ทั้งนี้ไม่ควรเป่าให้แห้งเกินไปเพื่อป้องกันผิวชั้นนอกของเส้นผมถูกทำลาย และที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้ผมเปียกแล้วลงไปนอนเด็ดขาด เพราะอาจเป็นสาเหตุของเชื้อราบนหนังศีรษะและรังแคตามมา

3. หวีผมเบา ๆ ก่อนนอน

การหวีผมก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด โดยการหวีที่ดีจะต้องหวีอย่างเบามือ ไม่กระชากเส้นผมแรงเกินไป ไม่หวีบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้เกล็ดผมเสียหายและหนังศีรษะอ่อนแอ ทำให้เกิดรังแคง่าย ทั้งนี้ควรเลือกหวีให้เหมาะกับเส้นผม ไม่ใช้หวีที่มีปลายแหลมมากเกินไปและไม่ใช้หวีพลาสติกที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าสถิตจนเส้นผมเสียหายและขูดหนังศีรษะจนหนังศีรษะอักเสบ ทั้งนี้ไม่ควรหวีผมตอนผมเปียกเพราะเส้นผมที่เปียกเป็นช่วงที่เส้นผมอ่อนแอที่สุด หากหวีในช่วงที่ผมเปียกอาจทำให้เส้นผมขาดง่ายกว่าเดิม

4. เลือกแชมพูที่เหมาะกับเส้นผม

  • กรณีที่ผมธรรมดา ไม่แห้งไม่มันจนเกินไป แนะนำให้เลือกแชมพูตั้งแต่สูตรอ่อนโยน สูตรธรรมดา และสูตรบำรุงผม ส่วนครีมนวดผมเช่นเดียวกับแชมพูได้เลยครับ
  • กรณีที่ผมมัน มีน้ำมันมาหล่อเลี้ยงมากเกินไป แนะนำให้เลือกแชมพูลดผมมันและแชมพูใส ไร้ซิลิโคน
  • กรณีที่ผมแห้ง มีน้ำมันมาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ แนะนำให้เลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของโปรตีนและใช้ครีมบำรุงผมร่วมด้วย
  • กรณีที่ผมเสีย เนื่องจากผ่านความร้อนและสารเคมีเป็นเวลานาน แนะนำให้เลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของโปรตีนและใช้ครีมบำรุงผมร่วมด้วยเช่นเดียวกันผู้ที่มีปัญหาผมแห้ง

5. บำรุงด้วยครีมบำรุงผม

ครีมบำรุงผมมีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม ทำให้เส้นผมนุ่ม เรียบสวย ดูเป็นธรรมชาติ ในปัจจุบันมีครีมบำรุงผมหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น

  • ครีมนวดผม (Daily conditioners) เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่ช่วยปรับสภาพเส้นผมลื่นสวย มีน้ำหนัก ควรใช้ควบคู่กับแชมพู
  • ทรีทเม้นท์มาส์ก (Deep conditioners) เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงหลังสระผมที่มีเนื้อครีมข้นกว่าเล็กน้อย ทำหน้าที่ช่วยฟื้นฟูผมเสียให้กลับมาสวย
  • ครีมนวดผมแบบไม่ต้องล้างออก หรือลีฟออนครีม (Leave-in conditioners) เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่ช่วยรักษาความชื้นให้แก่เส้นผมได้นานขึ้น

6. Growth-Factor

เป็นเครื่องมือกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อตามธรรมชาติ โดยเฉพาะ VEGF (Vascular Endothelial Growth-Factor) ที่จะสร้างระบบหลอดเลือดฝอยขึ้นใหม่ เพื่อนำส่งสารอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงและซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณรากผมที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมเสียอย่างรุนแรงจนถึงขั้นผมร่วง ผมบาง ที่อาจเกิดจากอายุ, พันธุกรรม หรือพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ โดยแพทย์จะสกัด VEGF Stemcell จากการนำเลือดของคนไข้แต่ละคนมาสกัด Platelet หรือ PRP (Platlet-rich plasma) และนำมา Cellysis อีกครั้งเพื่อให้ปลดปล่อย VEGF และ Stemcell ปริมาณสูงออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วจึงฉีดกลับไปให้คนไข้เพื่อซ่อมแซมรากผมของคนไข้ โดย VEGF Stemcell จะกระตุ้นการสร้างระบบหลอดเลือดฝอยขึ้นใหม่และกระตุ้นให้รากผมงอกขึ้นมาใหม่ จึงช่วยยืดระยะเวลาการหลุดร่วงของเส้นผมให้ช้าลง หลังการรักษาแล้วคนไข้จะรู้สึกได้ว่าผมร่วงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งช่วยให้เส้นผมหนาเพิ่มขึ้นตามลำดับ หากตรวจดูรากผมด้วยกล้องกำลังขยายสูง Microscrope จะพบว่าผมเส้นเล็กลีบ vellus-hair กลับมามีเนื้อผมหนาเป็น Terminal Hair เรียกปรากฎการณ์ย้อนกลับนี้ว่า Terminalization

อ่านเพิ่มเติม: ผมร่วง ผมบางผิดปกติ คืออะไร?

รักษาผมร่วงที่ไหนดี

สำหรับใครที่มีปัญหาผมร่วง ศีรษะล้าน ที่ Gentle Clinic เรามีนวัตกรรม VEGF Stemcell ที่นำเลือดของคนไข้ในแต่ละคนมาสกัด Platelet หรือ PRP (Platlet-rich plasma) และนำมาผ่านกระบวนการ Cellysis อีกทีเพื่อให้ปลดปล่อย VEGF และ Stemcell ปริมาณสูงแล้วไปฉีดกลับให้คนไข้ ข้อดีของ VEGF Stemcell จะช่วยซ่อมแซมรากผม ช่วยกระตุ้นการสร้างระบบหลอดเลือดฝอยขึ้นใหม่ในรากผม หลังการรักษาแล้วคนไข้จะรู้สึกได้เลยว่าผมร่วงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้เรายังมีนวัตกรรมสำหรับรักษา ด้วยเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมแบบไร้แผลโดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะ ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีแผลเป็นและไม่ต้องพักฟื้น อีกทั้งระยะเวลาการหายของแผลเร็ว ไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ

นอกจากนี้เรายังมีมีโปรแกรม OXYLAB  (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ด้วยออกซิเจนเข้มข้น 100% ใต้บรรยากาศแรงดันสูงเสมือนอยู่ใต้น้ำลึก ควบคู่กับการเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน จาก 20 เป็น 100% ทำให้ออกซิเจนละลายในพลาสม่าได้มากขึ้นเป็น 10 เท่า ร่างกายจึงส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้มากขึ้น ช่วยให้เซลล์ทุกเซลล์ตื่นตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปฏิกิริยาการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย, ลดการอักเสบของข้อ เอ็น กล้ามเนื้อ จากการเล่นกีฬาและออฟฟิศซินโดรม, กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคจาก ROS (reactive oxygen spicies) ที่มากขึ้น, กระตุ้นสมองและระบบประสาท เพิ่มหน่วยความจำ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับง่าย คลายเครียด, ลดการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง และอื่น ๆ อีกมาก เพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุดจากเรา

  • เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
  • Line: https://bit.ly/Gentle4Men
  • Facebook: Gentle Clinic
  • Instagram: gentleclinic_thailand

บทความที่น่าสนใจ

ผลการรักษา (ลูกค้าผู้ใช้บริการจริง)

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ