หากคุณกำลังประสบปัญหาหลุมสิวและกำลังมองหาวิธีรักษาหลุมสิวอยู่ หนึ่งในวิธีที่ใครหลายคนให้ความสำคัญนั่นก็คือการกรอหน้าด้วยเกล็ดอัญมณี ที่นอกจากจะช่วยรักษาหลุมสิวได้แล้ว ยังช่วยรักษาปัญหาอื่นบนผิวหน้าได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามการรักษาหลุมสิวประเภทนี้ก็มีข้อจำกัดและข้อควรระวังด้วยเช่นกัน และเพื่อให้คุณมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่มากขึ้น ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับวิธีการรักษาหลุมสิวประเภทนี้กัน พร้อมทั้งคำแนะนำในการ
การกรอหน้าคืออะไร
เป็นวิธีการรักษาหลุมสิวประเภทหนึ่งโดยแพทย์จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์พ่นเกล็ดอัญมณีขนาดเล็ก เช่น คริสตัล, เพชรแท้ ในรูปแบบของผลึกอลูมิเนียมออกไซด์ขนาด 100 ไมครอน ในการขัดผิวหนังแท้ส่วนบนที่เกิดหลุมสิวออกไป เพื่อให้ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วในชั้นผิวหนังกำพร้าหลุดออกและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติก (Elastic fiber) ในผิวหนังชั้นหนังแท้ ส่งผลให้หลุมสิวค่อยๆ เต็มและกลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง นอกจากจะรักษาหลุมสิวแล้ววิธีนี้ยังช่วยลบเลือนรอยแดง/รอยดำจากสิว เสริมความแข็งแรงให้แก่ผิว และช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอเท่ากันทั่วใบหน้าอีกด้วย
การกรอหน้า เหมาะกับใคร
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวในระดับตื้น (Rolling scars) ไปจนถึงระดับปานกลาง (Box scar) แต่ไม่อยากฉีดหรือทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว ผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผู้ที่มีริ้วรอยหรือรอยแผลเป็นจากสิว และผู้ที่ต้องการให้หน้ากระจ่างใสขึ้นโดยการผลัดเซลล์ผิว
ข้อดีข้อเสียของการกรอหน้า
- ไม่รู้สึกเจ็บ เพราะไม่เกิดอาการระคายเคืองระหว่างการรักษา
- ไม่ก่อให้เกิดรอยไหม้บนผิวหน้า
- ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ใบหน้ากระจ่างใส
- ช่วยเปิดผิวให้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ผิวหน้าไม่มันง่ายเกินไป
- เสริมความแข็งแรงให้แก่ผิวหน้า ผิว
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ใช้เวลารักษาประมาณ 20-30 นาที
- รักษาได้เฉพาะหลุมสิวที่เกิดจากเซลล์ผิวชั้นนอกเท่านั้น
- ต้องทำหลายครั้งกว่าจะเริ่มเห็นผล
ขั้นตอนการกรอหน้า
- แพทย์จะทำความสะอาดใบหน้าคนไข้ให้ทั่ว เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังการรักษา
- กรณีที่คุณกังวลในเรื่องของความเจ็บ แพทย์จะฉีดยาชาเพื่อลดอาการปวดระหว่างทำ
- แพทย์จะใช้ไอน้ำอุ่นเปิดรูขุมขน (บางคลินิกอาจไม่มี) ช่วยให้ขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพง่ายขึ้น
- แพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีหัวเพชรหรือเกล็ดอัญมณีขัดลงบนผิว ตัวเครื่องจะมีระบบดูดสุญญากาศสำหรับดูดเอาสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป โดยแพทย์จะปรับระดับความแรงของเครื่องตามสภาพผิวของแต่ละคน ในส่วนของการกรอผิวจะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที
- หลังจากกรอหน้าเสร็จ แพทย์จะใช้สำลีหรือผ้าชุบน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดผิวอีกครั้ง
กรอหน้า กี่ครั้งเห็นผล
โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 8-10 ครั้ง ทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ถึงจะเริ่มเห็นผล แต่หากคุณละเลยการเข้ารับการรักษาตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด ก็อาจใช้เวลานานขึ้นกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
การกรอหน้า เจ็บไหม
สำหรับความรู้สึกของคนไข้ส่วนใหญ่จะไม่รู้สึกเจ็บมาก รู้สึกคล้ายกับมีเม็ดทรายเม็ดเล็กๆ มาขัดผิวเบาๆ โดยทั่วไปแล้วอาจมีอาการตึงหรือระคายเคืองเล็กน้อยระหว่างการรักษา ขึ้นอยู่กับระดับความแรงของเครื่องมือและสภาพผิวของแต่ละคน หากคุณเป็นคนที่มีผิวบาง แพ้ง่าย อาจรู้สึกระคายเคืองหรือมีผิวแดงๆ หลังทำเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้จะหายไปภายใน 1-2 วัน แต่หากคุณรู้สึกกังวลในเรื่องของความเจ็บ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อที่ผู้ทำการรักษาจะได้ปรับระดับความแรงให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ
ดูแลผิวหลังกรอหน้าอย่างไรได้บ้าง
- ทาครีมบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน เพื่อลดการระคายเคืองต่อผิวหน้า
- ทาครีมกันแดดที่มี SPF 50+ PA++++ (สูตรอ่อนโยน) ก่อนออกข้างนอกบ้านเสมอ เพื่อป้องกัน UV จากแดดมาทำร้ายผิวหน้า
- หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำร้อนและสครับผิว ให้ใช้น้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำเย็นล้างหน้าไปก่อน
- ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เติมความชุ่มชื้น โดยเลือกสูตรที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารระคายเคืองต่างๆ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8 แก้ว และพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูผิวหลังการรักษา
- ห้ามแกะ เกา หรือถูหน้าแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองหรืออักเสบมากยิ่งขึ้น
- ห้ามทำเลเซอร์หรือทำทรีตเมนต์หน้าแรง ๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
แม้ว่าการกรอผิวจะช่วยรักษาหลุมสิวได้จริง แต่ก็เป็นหลุมสิวตื้นเท่านั้น ดังนั้นหากคุณมีปัญหาหลุมสิวลึก เราขอแนะนำให้เลือกรักษาด้วยวิธีอื่นแทนครับ แต่ถึงอย่างไรก็ตามคุณจะต้องศึกษาข้อมุลเกี่ยวกับการรักษาหลุมสิวลึกให้ดี แม้ว่าจะมีหลายวิธีให้เลือก แต่หากเลือกวิธีที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง นอกจากจะไม่สามารถรักษาหลุมสิวให้หายได้แล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือการอักเสบเพิ่มเติมได้อีกด้วยครับ
รักษาหลุมสิวด้วยวิธีไหนดีที่สุด
JUVGEN เทคนิคการรักษาหลุมสิวด้วยการฟื้นฟูผิวตัวเอง จาก Gentle Clinic ที่ถูกคิดค้นโดย ดร.จินเซฮุน (Dr. Jin Se-hun) ศัลยแพทย์ชื่อดังจากเกาหลี ด้วยวิธีการฉีด Co2 foam กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) อนุภาคเล็กลงไปในชั้นหนังแท้ใต้หลุมสิวเพื่อฉีกเซลล์เก่าที่เป็นหลุมสิวทิ้ง หลังจากนั้นจะกระตุ้นการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากขึ้นมาใหม่ใน 3-5 วัน เพื่อสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาเติมเต็มหลุมสิวให้เรียบเนียนภายในการรักษาเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นจะค่อยๆ เห็นผลขึ้นประมาณ 30-60 วัน เนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยและเนื้อเยื่อคอลลาเจนจำนวนมากบริเวณหลุมสิว ส่งผลให้มีการเติมเต็มเนื้อเยื่ออย่างถาวร คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องกลับมารักษาซ้ำอีกเป็นรอบสอง
นอกจากนี้ตัวเครื่องจูวีเจนถูกออกแบบสำหรับรักษาปัญหาผิวหน้าโดยเฉพาะ คนไข้จึงไม่ต้องฉีดยาชาบรรเทาอาการเพราะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดๆ ทั้งระหว่างและหลังการรักษาแล้ว และที่สำคัญยังไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: JUVGEN ดียังไง ทำไมถึงเติมเต็มหลุมสิวลึกถาวร ภายในครั้งเดียว
บทความที่น่าสนใจ
- สิวกรรมพันธุ์คืออะไร รุนแรงแค่ไหน ทำยังไงไม่ให้หลุมสิวถามหา
- หลุมสิวจากการฉีดสิว ทายาเองหายไหม รักษาวิธีไหนชัวร์สุด
- หลุมสิวเยอะ ไม่หายขาดสักที มีวิธีไหนที่ช่วยรักษาได้อย่างถาวร
ทำ Juvgen ที่ไหนดี ทำไมต้อง Gentle Clinic
Gentle Clinic เราเป็นทีมแรกในไทยที่ใช้เครื่อง JuvGen รักษาหลุมสิวและร่องลึก โดยได้รับการเทรนโดยตรงจาก Dr.จิน (Jin Se-hun) เราพร้อมด้วยประสบการณ์และเทคนิคในการยิงหลุมที่ลึกและยากกว่าหลุมทั่วไป เช่น box scar ที่มีขอบแข็ง หลุมแผลเป็นลึกจากอีสุกอีใส ร่องพับลึกบนหน้าฝาก เป็นต้น เราจึงกล้าการันตีผลการรักษา จ่ายครั้งเดียวจบ เติมหลุมสิวจนเต็มโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรม JuvGen
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://page.line.me/gentleclinic
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand