ผมขาดร่วง

รวมทุกสาเหตุของปัญหาผมขาดร่วงที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

Facebook
Twitter

ผมขาดร่วงนับเป็นหนึ่งในปัญหาที่ใครหลายคนยังหาทางแก้ไม่ได้สักที หลายคนพยายามเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้วการแก้ปัญหาที่แท้จริงจะต้องดูที่สาเหตุเป็นหลักว่าแต่สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมีมากน้อยแค่ไหน มีวิธีแก้อย่างไรได้บ้าง มาอ่านกันเลยครับ

รวมสาเหตุที่ทำให้ผมขาดร่วงที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ผมขาดร่วง

1. พันธุกรรม

มีผลทำให้รากผมสร้างเส้นผมขนาดเล็กลงและมีระยะการเจริญเติบโต (Anagen Phase) หรือระยะต่อมรากผมจะอยู่ลึกสุดในชั้นหนังแท้ที่สั้นลง โดยผมมร่วงจากพันธุกรรมมักเกิดขึ้นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยจะมีการร่นของแนวผมมาจากหน้าผากก่อน แล้วค่อย ๆ เว้าเข้าไปเป็นง่ามบริเวณขมับ 2 ข้าง ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ กลางศีรษะจะเริ่มมีผมบางร่วมด้วยมากขึ้นเท่านั้น หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษา อาจทำให้เส้นผมส่วนบนของศีรษะหายไปหมด เหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอยและหลังหูเท่านั้น

2. ภาวะความเครียด

หากคุณไม่สามารถจัดการความเครียดได้อย่างเหมาะสม ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ในปริมาณมากและรบกวนการทำงานของรากผม ส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ออกมามากผิดปกติ ส่งผลให้ผมหงอกเร็วกว่าวัยอันควรอีกด้วย

3. ผลข้างเคียงจากการรักษา

ได้แก่ เคมีบำบัด, ยาละลายลิ่มเลือดอย่างวาร์ฟาริน (Warfarin), ยากันชักอย่างเฟนิโทอิน (Phenytoin), ยาต้านซึมเศร้าอย่างฟลูออกซิทีน (Fluoxetine), ยารักษาสิวอย่าง Roaccutane (โรแอคคิวเทน), การหยุดยาคุมกำเนิด, ยาลดความดันบางชนิด, ยารักษาข้อเสื่อมข้ออักเสบ ฯลฯ

4. รับประทานอาหารทำร้ายผมเป็นประจำ

รู้หรือไม่ว่าอาหารบางประเภทมีผลกระตุ้นให้เกิดผมขาดร่วงได้มากขึ้น หากคุณเลือกรับประทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำ ได้แก่

  • อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง (มีค่า GI 70 ขึ้นไป) จะกระตุ้นการผลิตเทสโทสเตอโรน (Testosterone) เข้าไปทำร้ายรากผม ได้แก่ น้ำหวาน ลูกอม น้ำอัดลม ข้าวที่ผ่านการขัดสี
  • อาหารรสเค็มจัด ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเส้นเลือดเกิดการหดตัวจนเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงรากผมน้อยลง ได้แก่ อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง อาหารกึ่งสำเร็จรูป
  • คาเฟอีน (Caffeine) มีผลทำให้เส้นเลือดหดตัวและมีเลือดไหลไปเลี้ยงรากผมน้อยลง ได้แก่ โกโก้ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง
  • แอลกอฮอล์ (Alcohol) ทำให้เส้นเลือดหดตัว เส้นผมอ่อนแอง่ายขึ้น ได้แก่ เหล้า เบียร์ ไวน์
  • โมโนโซเดียมกลูตาเมต (Monosodium glutamate) ทำให้การดูดซึมวิตามินต่าง ๆ ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ร่างกายจึงขาดวิตามิน B6 และทำให้เส้นผมยาวช้า ได้แก่ ผงชูรส

5. การทำเคมีผมเป็นประจำ

เนื่องจากการทำเคมีผมจะต้องใช้สารเคมีชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแอมโมเนีย (Ammonia), ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide), เกลือโลหะย้อมผม (Metallic Hair Dye), พาราฟีนิลีนไดอะมีน หรือ PPD (Para-Phenylenediamine) และพาราโทลูอีนไดอะมีน หรือ PTD (Para-Toluenediamine) ที่มีผลทำให้แสบหนังศีรษะ แกนผมเปราะบาง ส่งผลให้ผมร่วงมากขึ้น

6. พักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนน้อยกว่าวันละ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน มีผลทำให้เซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) บริเวณเส้นผมทำงานด้อยประสิทธิภาพลง ส่งผลให้เซลล์ผมใหม่ถูกผลิตน้อยลง ผมจึงร่วงง่ายขึ้น นอกจากนี้การนอนน้อยยังกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียดอย่างฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้ร่างกายหลั่งสารไซโตไคน์ (Cytokine) และโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ผิดปกติ เป็นผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เส้นผมขาดหลุดร่วงง่ายขึ้น

7. สระผมผิดวิธี

และหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผมขาดง่ายมากที่สุดที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนนั่นก็คือการดูแลทำความสะอาดเส้นผมผิดวิธี ได้แก่

  • ไม่หวีผมก่อนสระผม อาจทำให้เส้นผมพันกันยุ่งเหยิง ผมไม่นุ่มลื่น ส่งผลให้สระผมยากขึ้น
  • ไม่ล้างผมก่อนใช้แชมพู ทำให้สิ่งสกปรกไม่ได้ถูกชะล้างออกและตกค้างบนศีรษะ เมื่อชะโลมด้วยแชมพูแล้วอาจทำให้ทำความสะอาดหนังศีรษะได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  • สระผมด้วยน้ำอุ่น แม้ว่าน้ำอุ่นจะช่วยขจัดน้ำมันออกจากเส้นผมและหนังศีรษะได้ก็จริง แต่หากใช้น้ำอุ่นบ่อย ๆ อาจทำให้ผมแห้งเสียได้
  • หวีผมแรง ๆ หลายคนอาจหวีผมแบบกระชากด้วยความหงุดหงิดจากปัญหาผมแห้งพันติดกัน แต่การหวีผมแรง ๆ นั้นทำร้ายเส้นผมจนทำให้เส้นผมขาดง่าย
  • หวีผมตอนเปียก บางคนอาจติดนิสัยหวีผมตอนเปียกแต่ในความเป็นจริงแล้วผมเปียกเป็นช่วงที่เส้นผมอ่อนแอมากที่สุด หากหวีผมช่วงนี้อาจทำให้เส้นผมขาดง่ายและชี้ฟู

8. หวีผมบ่อยเกินไป

แม้ว่าการหวีผมจะช่วยกระตุ้นให้การไหลเวียนของเลือดบนหนังศีรษะได้ดียิ่งขึ้น แต่หากคุณหวีมากเกินไป (ประมาณวันละ 100 ครั้ง) อาจกระตุ้นให้ผมขาดร่วงง่ายขึ้น อีกทั้งทำให้เกล็ดผมเสียหายจนกลายเป็นผมแห้งง่าย หนังศีรษะเกิดบาดแผลและอักเสบตามมาอีกด้วย

ดูแลอย่างไรให้หนังศีรษะแข็งแรง มีสุขภาพดี

  • เลือกแชมพูที่เหมาะกับเส้นผมของคุณ หากมีผมมัน แนะนำให้ใช้แชมพูลดผมมันหรือแชมพูใส ส่วนคนผมแห้งเสีย แนะนำให้ใช้แชมพูที่มีโปรตีนและครีมบำรุงผมร่วมด้วย
  • บำรุงด้วยครีมบำรุงผม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม ได้แก่ ครีมนวดผม (Daily conditioners), ทรีทเม้นท์มาส์ก (Deep conditioners) และลีฟออนครีม
  • สระผมถูกวิธี โดยใช้แชมพูสูตรฟองน้อยและสูตรไม่มีฟอง ขณะล้างก็ควรล้างด้วยน้ำเย็น และควรนวดโคนผมด้วยปลายนิ้วอย่างเบามือ
  • เช็ดผมให้แห้ง แนะนำให้ใช้ผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์เช็ดหนังศีรษะครั้งแรก จากนั้นค่อยใช้ผ้าขนหนูอีกผืนรองศีรษะแล้วใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้ง
  • หวีผมเบา ๆ ก่อนนอน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียน ไม่กระชากหวีรุนแรงเพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ
  • Reginera Micrograft Hair เป็นโปรแกรมเพิ่มผมหนาโดยเน้นรักษาอายุของเส้นผมของคนไข้ให้นานที่สุด โดยแพทย์จะคัดเลือกรากที่แข็งแรงสมบูรณ์มากที่สุดบริเวณหลังใบหูหรือท้ายทอย แล้วนำมาสกัดได้ปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดสูงถึง 4 ล้านเซลล์ จากนั้นจึงนำรากผมที่ได้ไปปั่นด้วยเครื่อง Reginera มาตรฐานจากยุโรปเพื่อนำรากผมที่สกัดได้ฉีดกลับไปยังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาเพื่อกระตุ้นรากผมที่อ่อนแอให้แข็งแรงและเพิ่มจำนวนการผลิตเส้นผมให้สูงขึ้น ช่วยให้คนไข้มีผมดกดำ ดูเป็นธรรมชาติ

บทความที่น่าสนใจ

รักษาผมร่วงที่ไหนดี

สำหรับใครที่มีปัญหาผมร่วง ศีรษะล้าน ที่ Gentle Clinic เรามีนวัตกรรม VEGF Stemcell ที่นำเลือดของคนไข้ในแต่ละคนมาสกัด Platelet หรือ PRP (Platlet-rich plasma) และนำมาผ่านกระบวนการ Cellysis อีกทีเพื่อให้ปลดปล่อย VEGF และ Stemcell ปริมาณสูงแล้วไปฉีดกลับให้คนไข้ ข้อดีของ VEGF Stemcell จะช่วยซ่อมแซมรากผม ช่วยกระตุ้นการสร้างระบบหลอดเลือดฝอยขึ้นใหม่ในรากผม หลังการรักษาแล้วคนไข้จะรู้สึกได้เลยว่าผมร่วงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้เรายังมีนวัตกรรมสำหรับรักษา ด้วยเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมแบบไร้แผลโดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะ ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีแผลเป็นและไม่ต้องพักฟื้น อีกทั้งระยะเวลาการหายของแผลเร็ว ไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ

นอกจากนี้เรายังมีมีโปรแกรม OXYLAB  (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ด้วยออกซิเจนเข้มข้น 100% ใต้บรรยากาศแรงดันสูงเสมือนอยู่ใต้น้ำลึก ควบคู่กับการเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน จาก 20 เป็น 100% ทำให้ออกซิเจนละลายในพลาสม่าได้มากขึ้นเป็น 10 เท่า ร่างกายจึงส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้มากขึ้น ช่วยให้เซลล์ทุกเซลล์ตื่นตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปฏิกิริยาการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย, ลดการอักเสบของข้อ เอ็น กล้ามเนื้อ จากการเล่นกีฬาและออฟฟิศซินโดรม, กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคจาก ROS (reactive oxygen spicies) ที่มากขึ้น, กระตุ้นสมองและระบบประสาท เพิ่มหน่วยความจำ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับง่าย คลายเครียด, ลดการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง และอื่น ๆ อีกมาก เพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุดจากเรา

  • เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
  • Line: https://bit.ly/Gentle4Men
  • Facebook: Gentle Clinic
  • Instagram: gentleclinic_thailand

บทความที่น่าสนใจ

ผลการรักษา (ลูกค้าผู้ใช้บริการจริง)

รีวิวจากผู้ใช้บริการ

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ