เครียดจนผมร่วง

เครียดจนผมร่วง อันตรายแค่ไหน มีวิธีดูแลเส้นผมอย่างไรบ้าง

Facebook
Twitter

รู้หรือไม่ว่าความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการนอนไม่หลับ โรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ ภูมิคุ้มกันเสื่อม หรือแม้แต่ผมร่วงด้วยก็ตาม ว่าแต่อาการเครียดจนผมร่วง อันตรายแค่ไหน มีวิธีดูแลเส้นผมอย่างไรบ้าง มาอ่านกันเลยครับ

เครียดจนผมร่วง คืออะไร

เป็นภาวะความผิดปกติของวงจรชีวิตเส้นผมที่สั้นลงโดยเกิดจากความเครียดสะสมที่ไปกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียด ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะเข้าไปปรับวงจรชีวิตของเส้นผม ทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงไวกว่าคนในช่วงวัยเดียวกัน สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานภายใต้ความกดดันสูง, ปัญหาความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวหรือคู่รัก, ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต, ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง, ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงใกล้หมดประจำเดือนและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยความเครียดที่ทำให้ผมร่วงแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่

  • Telogen effluvium (TE) เป็นภาวะผมร่วงฉับพลันที่เกิดจากความเครียดสะสมไปกระตุ้นให้รากผมมีระยะพักตัวเร็วกว่าเดิม ทำให้เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวมากขึ้นและทำให้เส้นผมหลุดร่วงออกมามากกว่าปกติ นอกจากความเครียดแล้วภาวะดังกล่าวอาจเกิดจากโรคทางจิตเภทอื่น ๆ หรือเกิดจากปัญหาสุขภาพเรื้อรังก็ได้เช่นกัน
  • Trichotillomania เป็นภาวะการแสดงออกทางกายที่เกิดจากความเครียดโดยที่ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว เช่น แกะเกาหนังศีรษะ ดึงเส้นผมตัวเอง
  • Alopecia Areata (AA) เป็นภาวะผมร่วงผมบางที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ทำร้ายรูขุมขนบนหนังศีรษะ ส่งผลให้ผมร่วงเป็นวงกว้างและกลายเป็นศีรษะล้าน

เครียดจนผมร่วง สังเกตได้อย่างไร

โดยทั่วไปแล้วคนเราจะมีเส้นผมที่ร่วงหล่นลงพื้นทุกวันตามวงจรชีวิตของเส้นผม แต่หากคุณมีปัญหาผมร่วงประมาณ 100-200 เส้นต่อวันหลังจากสระผม หรือมีผมร่วงตามพื้นอยู่เรื่อย ๆ แม้ว่าคุณจะไม่ได้สัมผัสกับผมแม้แต่น้อย อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าหนังศีรษะของคุณกำลังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้นานอาจเสี่ยงต่อศีรษะล้านได้ในระยะยาว

เครียดจนผมร่วงมีผลต่อการใช้ชีวิตยังไง

เมื่อคุณเครียดสะสมเป็นเวลานานจนวงจรเส้นผมผิดปกติ ก็จะส่งผลทำให้ผมร่วงบ่อยขึ้นจนศีรษะบางอย่างเห็นได้ชัด นอกจากจะมีผลในเรื่องของความมั่นใจที่ลดลงแล้ว หากคุณไม่สามารถจัดการความเครียดได้ก็จะยิ่งทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นคลื่นไส้ อาเจียนบ่อย ท้องอืด แน่นท้อง ความจำสั้น ไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับงาน ปวดร้าวทั้งศีรษะ นอนไม่หลับหรือหลับได้แต่ไม่สนิท ป่วยบ่อยและหายช้า น้ำหนักขึ้น – ลงอย่างรวดเร็ว และอื่น ๆ อีกมาก

เครียดจนผมร่วง อันตรายแค่ไหน

ความเครียดไม่ได้มีผลแค่หนังศีรษะและเส้นผมเท่านั้นนะครับ เพราะความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุขภาพโดยรวมของเราแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นปวดศีรษะไมเกรน, โรคซึมเศร้า, โรควิตกกังวล, ปวดหลัง, โรคอ้วน, โรคภูมิแพ้ ป่วยบ่อย เป็นหวัดง่าย, โรคความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง หรือแม้แต่โรคมะเร็งบางชนิด และยิ่งถ้าคุณมีความเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป, คนนในครอบครัวมีประวัติผมร่วง, จัดแต่งทรงผมบ่อย, สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ, นอนพักผ่อนไม่ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน หรือแม้แต่เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ไม่เหมาะกับสภาพหนังศีรษะ ก็อาจกระตุ้นให้ผมร่วงรุนแรงยิ่งขึ้น

จัดการความเครียดอย่างไรดี

  • ออกกำลังกายคลายเครียด การกระตุ้นให้ร่างกายได้ออกแรงจะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินส์ (Endorphins) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกดีให้กับตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้สุขภาพที่ดีขึ้นเป็นของแถมอีกด้วยนะครับ สำหรับการออกกำลังกายที่ดีจะอยู่ที่ 3-5 วันต่อสัปดาห์ วันละประมาณ 30 นาที ทั้งนี้ไม่ควรออกกำลังกายก่อนนอนะครับ เพราะอาจทำให้ร่างกายตื่นตัวจนนอนไม่หลับได้ด้วย
  • ทำงานอดิเรกที่ตัวเองสนใจ การโฟกัสกับสิ่งที่ตัวเองชอบหรือสนใจ นอกจากจะช่วยให้คุณลืมความกังวลใจไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว ยังช่วยเติมเต็มความสุขให้คุณและช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นอีกด้วยนะครับ เผลอ ๆ หากคุณทำจนเป็นชิ้นเป็นอันแล้วสามารถนำไปขายได้ เช่น ภาพวาด ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม เป็นต้น
  • พูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ การพูดคุยจะช่วยให้เราระบายความรู้สึกกังวลใจ ไม่สบายใจออกไปได้บ้าง หรือหากคุณไม่ถนัดคุย เราขอแนะนำให้จดบันทึกลงไดอารี่เอาไว้ก็ช่วยได้ดีทีเดียว
  • ปรับเปลี่ยนเวลานอน หากคุณเสพติดการนอนดึกเป็นประจำ เราขอแนะนำให้คุณลองปรับเปลี่ยนช่วงเวลานอนให้เร็วขึ้นโดยใช้ตัวช่วยอย่างการอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือดื่มชาคาโมมายล์ก่อนนอนเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ไม่ควรจับต้องอุปกรณ์อิเล็กทรอกนิกส์ใด ๆ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน เนื่องจากมีแสงบลูไลท์ที่กระตุ้นให้สมองทำงานและทำให้นอนหลับยากขึ้น

ผมร่วง ผมบางไปแล้ว รักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง

ที่ Gentle Clinic เรามีวิธีการรักษาผมร่วงผมบางทั้ง 2 วิธีที่นอกจากจะช่วยให้เส้นผมงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้งแล้ว ยังเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่เส้นผม ช่วยให้คุณมีสุขภาพหนังศีรษะที่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายเหมือนก่อน ได้แก่ Cell Theapy และ Regenesis Micrograft Hair โดยแต่ละวิธีมีขั้นตอนและผลลัพธ์แตกต่างกันดังนี้

1. Cell Theapy

เป็นเทคนิคการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยการสกัด Growth factor และ Stemcell ปริมาณเข้มข้นสูงจากเลือดของคนไข้ แล้วนำมาปั่นแยกเซลล์และคัดเอาเกล็ดเลือดเพื่อนำมาฉีดเข้าไปยังบริเวณที่มีผมร่วง รวมถึงใช้แสงสีแดงสำหรับกระตุ้นการขึ้นของรากผมร่วมด้วย ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้าง Growth Factor, ช่วยซ่อมแซมความเสื่อมระดับเซลล์ (Regenerative Medicine) อีกทั้งช่วยลดความว่องไวต่อฮอร์โมน DHT ส่งผลให้ต่อมไขมันบริเวณรากผมทำงานน้อยลง รากผมจึงกลับมาแบ่งตัวเพิ่มขึ้นเส้นผมงอกใหม่ มีขนาดใหญ่ขึ้น ผมดูหนาขึ้น

2. Regenesis Micrograft Hair

เป็นโปรแกรมเพิ่มผมหนาโดยเน้นรักษาอายุของเส้นผมของคนไข้ให้นานที่สุด โดยแพทย์จะคัดเลือกรากที่แข็งแรงสมบูรณ์มากที่สุดบริเวณหลังใบหูหรือท้ายทอย นำมาสกัดได้ปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดสูงถึง 4 ล้านเซลล์ และปั่นด้วยเครื่อง Reginera รุ่นล่าสุดจากจากยุโรป ที่ถือว่าล้ำหน้ากว่าการปลูกผมรุ่นเก่า เมื่อได้รากผมที่ผ่านการสกัดมาเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะฉีดกลับเข้าไปยังบริเวณศีรษะที่มีปัญหาเพื่อให้รากผมแตกตัวและเจริญเติบโตเป็นเส้นผมใหมจำนวนมาก ทําให้ผมหนาดกดํายิ่งขึ้นอย่างเห็นชัดหลังการรักษาไปแล้ว 45 – 90 วัน เนื่องจากวิธีการรักษาประเภทนี้จะใช้ Growth Factor ของคนไข้เองประมาณ 90% นอกจากจะปลอดภัยต่อตัวคนไข้เองแล้วยังมอบผลการรักษาที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

บทความที่น่าสนใจ

รักษาผมร่วงที่ไหนดี

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาผมร่วงผมบาง ที่ Gentle Clinic เรามีนวัตกรรม Cell Therapy ที่นำเลือดของคนไข้เองมาสกัด Growth factor และ Stemcell ปริมาณเข้มข้นสูง เพื่อไปฉีดกลับที่รากผมเพียงเดือนละครั้ง เพื่อซ่อมแซมรากผม กระตุ้นการไหลเวียน และสร้างระบบหลอดเลือดฝอยเพิ่มขึ้นใหม่ในหนังศรีษะ เป็นโปรแกรมยอดนิยมที่คุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อรักษาปัญหาผมบางของคุณครับ

นอกจากนี้เรายังมีนวัตกรรมใหม่ที่เหนือกว่าอีกขั้นด้วย Regenesis Micrograft โดยสกัด stemcell จากเนื้อเยื่อรากผมโดยตรง ทำเพียงปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ก็สามารถช่วยบำรุงรากผมและเส้นผมของคุณให้กลับมาเพิ่มจำนวน และแข็งแรงได้อย่างที่ต้องการ เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ล้ำหน้า ช่วยคุณห่างไกลปัญหาผมบาง แม้จะเป็นภาวะผมบางจากฮอร์โมนหรือพันธุกรรมก็ตาม

และที่สำคัญเรายังมีโปรแกรม OXYLAB  (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ด้วยออกซิเจนเข้มข้น 100% ใต้บรรยากาศแรงดันสูงเสมือนอยู่ใต้น้ำลึก ควบคู่กับการเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน จาก 20 เป็น 100% ทำให้ออกซิเจนละลายในพลาสม่าได้มากขึ้นเป็น 10 เท่า ร่างกายจึงส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้มากขึ้น ช่วยให้เซลล์ทุกเซลล์ตื่นตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปฏิกิริยาการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย, ลดการอักเสบของข้อ เอ็น กล้ามเนื้อ จากการเล่นกีฬาและออฟฟิศซินโดรม, กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคจาก ROS (reactive oxygen spicies) ที่มากขึ้น, กระตุ้นสมองและระบบประสาท เพิ่มหน่วยความจำ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับง่าย คลายเครียด, ลดการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง และอื่น ๆ อีกมาก เพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุดจากเรา

  • เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
  • Line: https://bit.ly/Gentle4Men
  • Facebook: Gentle Clinic
  • Instagram: gentleclinic_thailand

ผลการรักษา (ลูกค้าผู้ใช้บริการจริง)

รีวิวจากผู้ใช้บริการ

รีวิว 2

 

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter

พร้อมยินดีให้คำปรึกษา

เจนเทิล คลีนิก เปิดให้บริการเวลา 12.00 – 20.00 น.

บทความที่น่าสนใจ