ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบของใครหลายคนอาจหลงลืมในการดูแลสุขภาพเส้นผมจนผมแห้งเสียสะสมเป็นเวลานาน ยิ่งถ้าเผลอดูแลเส้นผมผิดวิธีด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งทวีความรุนแรงของปัญหาเส้นผมที่แห้งเสียอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้นด้วย วันนี้ Gentle Clinic จะมาพูดถึงปัญหาดังกล่าวพร้อมทั้งวิธีดูแลเส้นผมที่ถูกต้องเพื่อให้คุณมีสุขภาพเส้นผมที่แข็งแรงไปอีกนานแสนนาน
ผมแห้งเสียคืออะไร
เป็นภาวะที่เส้นผมแห้งอันเนื่องมาจากต่อมไขมันบริเวณรากผมทำงานผิดปกติ ส่งผลให้การผลิตไขมันบริเวณเส้นผมมากกว่าปกติ นอกจากนี้ยังเกิดจากผิวชั้นนอกของเส้นผม (Cuticle) ถูกทำลายจากความร้อนและรังสี UV (Ultraviolet) ส่งผลให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นและหยาบกระด้าง ผมชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก และขาดง่าย นอกจากจะมีผลต่อความมั่นใจที่ลดลงเมื่อต้องออกไปพบเจอผู้คนแล้ว ยังมีผลต่อปัญหาสุขภาพเส้นผมในระยะยาวอีกด้วย เพราะถ้าคุณปล่อยให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไปก็จะทำให้สิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียตกค้างบนหนังศีรษะเป็นเวลานาน สารอาหารและออกซิเจนที่หล่อเลี้ยงรากผมจึงมีน้อยลง ส่งผลให้รากผม เส้นผมไม่แข็งแรงและเสี่ยงต่อภาวะศีรษะล้านในอนาคต
สาเหตุของผมแห้งเสีย
- ฮอร์โมนไม่สมดุล
- พันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากคนในครอบครัว
- โรคผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis)
- อายุเพิ่มมากขึ้น
- ภาวะความเครียด
- การรับประทานยาบางชนิดที่มีผลต่อการผลิตไขมันของต่อมไขมัน
- ไม่สระผมเป็นเวลานานเกินไปหรือสระผมมากกว่า 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์
- การทำความสะอาดผมแบบผิดวิธี เช่น ใช้น้ำอุ่นสระผมเป็นประจำ เช็ดผมแรง ๆ หลังสระผมเสร็จ ใช้เครื่องมือจัดแต่งทรงผมเป็นประจำ
- การทำเคมีทุกชนิด เช่น การกัดสีผม การย้อมผม
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมไม่เหมาะกับสภาพผม
- มลภาวะนอกบ้าน เช่น แสงแดด ควันรถยนต์
ดูยังไงว่าผมแห้งเสีย
- ลูบผมจากข้างบนลงข้างล่างแล้วรู้สึกว่าผมแห้งเหมือนไม้กวาด
- ใช้นิ้วดึงเส้นผมออกมา 1 เส้น แล้วผมขาดออกจากกัน
- ใช้มือสางผมแล้วรูดเส้นผมออกจากมือไม่ได้
- ผมร่วงหลังจากสระผมมากกว่า 100 เส้น
ผลข้างเคียงจากผมแห้งเสีย
- ผมชี้ฟู จัดทรงยาก
- ผมร่วงง่ายกว่าผู้ที่มีผมนุ่มลื่น เสี่ยงต่อภาวะหัวล้าน
วิธีดูแลผมแห้งเสียให้กลับมาสวยอีกครั้ง
1. ใช้ครีมนวดผมทุกครั้งหลังสระผม
ครีมนวดมีส่วนช่วยในการบำรุงและคืนความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม โดยครีมนวดผมในปัจจุบันมีหลากหลายแบบ ได้แก่ ครีมนวดผม (Daily conditioners), ทรีทเม้นท์มาส์ก (Deep conditioners), ลีฟออนครีม (Leave-In Conditioner) หรือครีมนวดแบบไม่ต้องล้างออก สำหรับช่วงเวลาในการใช้ครีมนวดที่ดีที่สุดควรใช้หลังจากสระผมเสร็จแล้วค่อยสะบัดน้ำออกจากศีรษะประมาณหนึ่ง จากนั้นบีบครีมนวดผมลงบนฝ่ามือแล้วค่อยชะโลมลงบนหนังศีรษะ กรณีที่หนังศีรษะแห้งแนะนำให้ทาครีมนวดตั้งแต่หนังสีรษะไปจนถึงปลายผม แต่หากหนังศีรษะมัน แนะนำให้นวดเว้นเพียงบริเวณโคนผม แล้วจึงปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 นาทีก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาดอุณหภูมิปกติ ทั้งนี้อย่าลืมใช้ครีมนวดผมทุกครั้งหลังสระผมเพื่อสุขภาพผมที่ดีนะครับ
2. สระผมให้ถูกวิธี
สำหรับวิธีสระผมที่ถูกต้องจะต้องเริ่มจากหวีผมก่อนสระเพื่อลดโอกาสการพันกันของเส้นผม ช่วยให้นวดศีรษะขณะสระผมง่ายขึ้น จากนั้นถูกแชมพูจนเกิดฟองแล้วค่อยชะโลมลงบนหนังศีรษะ หลายคนอาจคิดว่าการสระผมต้องสระต้องเกาแรง ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ควรเกาหนังศีรษะนะครับ แนะนำให้ใช้ปลายนิ้วนวดลงไปยังหัวศีรษะแทน เพื่อป้องกันการระคายเคือง นอกจากนี้ให้ใช้น้ำเย็นสระผมเท่านั้น ไม่ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนสระผมเพื่อป้องกันผมแห้งและเสียง่ายกว่าเดิม สำหรับครีมนวดให้ใช้บริเวณปลายผม ไม่ใช่เทใส่หนังศีรษะอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ เมื่อสระเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าขนหนูแห้งเช็ดผมให้แห้ง ทั้งนี้ไม่ควรหวีผมขณะผมเปียกซึ่งเป็นช่วงที่เส้นผมอ่อนแอที่สุด ต้องรอให้ผมแห้งสนิทก่อน ทั้งนี้อาจใช้พัดลมเป่าผมหรือไดร์เป่าผมก็ได้เช่นกัน เพียงแต่ไม่ควรใช้อุณหภูมิสูงเกินไปเพราะอาจทำให้ผมแห้งเสียได้
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับหนังศีรษะ
หลายคนอาจคิดว่าผลิตภัณฑ์สำหรับหนังศีรษะแบบไหนก็เหมือนกัน แต่ที่จริงแล้วแตกต่างกันครับเนื่องจากผลลัพธ์หลังการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นต่างกัน กรณีที่คุณมีเส้นผมแห้ง แนะนำให้ครีมนวดผมที่มีส่วนผสมของน้ำมัน สำหรับคนที่ผมฟีบลีบแบนแนะนำให้ใช้ครีมนวดผมสำหรับผมเส้นเล็กโดยเฉพาะ ส่วนคนที่ผมเสียแตกปลายแนะนำให้ใช้ครีมนวดผมสำหรับผมแตกปลาย และคนที่มีผมแห้งเสียหนักมากแนะนำให้ใช้ครีมนวดที่มีส่วนผสมเข้มข้นพิเศษที่ผ่านการทำสีหรือดัดผมโดยเฉพาะจะดีที่สุดครับ
4. หลีกเลี่ยงการดัดแต่งทรงผมโดยไม่จำเป็น
การดัดผมหรือทำสี ล้วนแต่ทำร้ายสุขภาพเส้นผมได้ในระยะยาวนะครับ สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำสีหรือดัดผมครั้งต่อไปควรห่างกันอย่างน้อย 6 เดือนหรือไม่เกิน 9 ครั้งต่อปี เพื่อให้เส้นผมได้ฟื้นฟูสภาพตัวเอง แต่กรณีที่มีความจำเป็นต้องดัดแต่งทรงผมบ่อย ๆ แนะนำให้ใช้น้ำยาย้อมสีผมที่ไม่มีส่วนผสมของเกลือหรือสารอันตรายอย่างตะกั่วและปรอท
5. ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นประจำ
ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยบำรุงศีรษะอย่างไบโอติน (Vitamin H), วิตามิน B, เกลือแร่, โอเมก้า 3 ที่พบได้ในถั่ว ธัญพืช แป้ง ปลาแซลมอน ไข่แดง ผักใบเขียว นม ฯลฯ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (ประมาณ 2,000 มิลลิตร) เติมความชุ่มชื้น เพิ่มความเงางาม และเร่งการเจริญเติบโตให้แก่เส้นผม และที่สำคัญอย่าลืมพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 7 – 8 ชั่วโมง เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่และป้องกันการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและมีโอกาสผมร่วงง่ายขึ้นด้วย
6.Reginera Micrograft Hair
เป็นเทคโนโลยีการปลูกผมถาวรโดยใช้เซลล์ต้นกำเนิดของคนไข้ประมาณ 90% นอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยต่อตัวคนไข้เองแล้วยังมอบผลการรักษาที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย สำหรับขั้นตอนการรักษาคุณหมอจะคัดเซลล์รากผมที่แข็งแรงที่อยู่ตามท้ายทอยหรือข้างใบหูและนำ Dermal Cup Sheath จากปลายเซลล์มาผ่านกระบวนการในห้องแล็บเพื่อสกัดเอาเซลล์มีชีวิต (Live Cell) โดยเซลล์รากผมที่ถูกสกัดออกจะทำหน้าที่ป้องกันรากผมจากผลข้างเคียงของฮอร์โมนเพศที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงผมบางและกระตุ้นวงจรผมกลับมาเป็นปกติ จากนั้นจึงฉีดกลับเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาเพื่อซ่อมแซมและกระตุ้นให้เซลล์รากผมกลับมาแข็งแรง ส่งผลให้รากผมผลิตเส้นผมที่ดกดำและหนาในปริมาณมากยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม หลังจากการรักษาสามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่มีแผล ไม่ต้องกินยา ไม่เสี่ยงต่อภาวะหย่อนสมรรถทางเพศเหมือนการใช้ยา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางจากพันธุกรรมและจากฮอร์โมนทั้งเพศชายและเพศหญิง
บทความที่น่าสนใจ
- ผมบางกลางหัวเกิดจากอะไร รักษาอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นอีก
- แนะนำวิธีดูแลเส้นผมอย่างไรให้กลับมาผมสวย ดูเป็นธรรมชาติ
- ผมร่วงเป็นหย่อม อันตรายไหม รักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
รักษาผมร่วงที่ไหนดี
สำหรับใครที่มีปัญหาผมร่วง ศีรษะล้าน ที่ Gentle Clinic เรามีนวัตกรรม VEGF Stemcell ที่นำเลือดของคนไข้ในแต่ละคนมาสกัด Platelet หรือ PRP (Platlet-rich plasma) และนำมาผ่านกระบวนการ Cellysis อีกทีเพื่อให้ปลดปล่อย VEGF และ Stemcell ปริมาณสูงแล้วไปฉีดกลับให้คนไข้ ข้อดีของ VEGF Stemcell จะช่วยซ่อมแซมรากผม ช่วยกระตุ้นการสร้างระบบหลอดเลือดฝอยขึ้นใหม่ในรากผม หลังการรักษาแล้วคนไข้จะรู้สึกได้เลยว่าผมร่วงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้เรายังมีนวัตกรรมสำหรับรักษา ด้วยเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมแบบไร้แผลโดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะ ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีแผลเป็นและไม่ต้องพักฟื้น อีกทั้งระยะเวลาการหายของแผลเร็ว ไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษาอีกด้วยครับ และใหม่ล่าสุดทางเรามีนวัตกรรม Regenesis Micrograft เป็นโปรดักส์ใหม่ล่าสุดที่เหนือกว่า Reginera รุ่นเก่า ช่วยบำรุงเส้นผมของคุณให้แข็งแรงอย่างที่ต้องการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
นอกจากนี้เรายังมีมีโปรแกรม OXYLAB (HBO Hyperbaric Oxygen Therapy) หรืออุโมงค์ออกซิเจนแรงดันสูง ช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ Growth Factor ในเนื้อเยื่อให้สูงกว่าปกติถึง 10 เท่า ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ด้วยออกซิเจนเข้มข้น 100% ใต้บรรยากาศแรงดันสูงเสมือนอยู่ใต้น้ำลึก ควบคู่กับการเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน จาก 20 เป็น 100% ทำให้ออกซิเจนละลายในพลาสม่าได้มากขึ้นเป็น 10 เท่า ร่างกายจึงส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้มากขึ้น ช่วยให้เซลล์ทุกเซลล์ตื่นตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปฏิกิริยาการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย, ลดการอักเสบของข้อ เอ็น กล้ามเนื้อ จากการเล่นกีฬาและออฟฟิศซินโดรม, กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคจาก ROS (reactive oxygen spicies) ที่มากขึ้น, กระตุ้นสมองและระบบประสาท เพิ่มหน่วยความจำ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับง่าย คลายเครียด, ลดการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง และอื่น ๆ อีกมาก เพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุดจากเรา
- เบอร์โทรศัพท์: 099-245-7555
- Line: https://bit.ly/Gentle4Men
- Facebook: Gentle Clinic
- Instagram: gentleclinic_thailand
บทความที่น่าสนใจ
- ผมร่วงผิดปกติ สัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพที่คุณไม่ควรละเลย
- รวมปัญหาศีรษะที่คุณควรรู้ ก่อนที่หัวล้านจะถามหา
ผลการรักษา (ลูกค้าผู้ใช้บริการจริง)